Wall’s ทำความรู้จักไอศกรีมร้อยปี กับสโลแกนบนรถขาย หยุดฉันแล้วซื้อสักอันสิ
เมนูของหวานเป็นหนึ่งในมื้อว่างที่หลายคนขาดไม่ได้ และอยากจะรับประทานในวันที่รู้สึกต้องการเติมความหวานให้กับร่างกาย “ไอศกรีม” คือชื่อเมนูของหวานชนิดแรกที่เราจะนึกถึง
และคงหนีไม่พ้น “วอลล์” ไอศกรีมที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน และเข้าถึงง่ายที่สุดด้วยโมเดลรถขายที่ขับผ่านทุกตรอกซอกซอย
ไอศกรีม จุดเริ่มต้นเป็นเพียงเมนูคั่นฤดูธุรกิจไส้กรอก
ไอศกรีมวอลล์ เป็นไอศกรีมยอดนิยมที่ผลิตและจำหน่ายภายใต้ชื่อเเบรนด์ของ Wall’s โดยมียูนิลิเวอร์เป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นแบรนด์อาหารในอังกฤษ และมีธุรกิจไอศกรีมเป็นหัวใจหลักของบริษัท ตีตราด้วยเครื่องหมายโลโก้ Heartbrand
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1786 ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในร้านขายเนื้อ ณ ตลาดเซนต์เจมส์ในลอนดอน T. Wall & Sons Ltd ธุรกิจแรกของวอลล์ ในตอนนั้น ซึ่งเป็นร้านขายไส้กรอก ที่เมื่อช่วงฤดูร้อนมาเยือนทีก็ต้องปลดพนักงานออก
T. Wall & Sons Ltd กับธุรกิจไส้กรอก
เนื่องจากไส้กรอกไม่ใช่เมนูที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในฤดูนั้น โธมัส วอลล์ จึงออกไอเดียเสิร์ฟเมนูของหวานไอศกรีมแทนที่ แต่ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไปก่อน
จนกระทั่งปี 1922 หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โธมัส วอลล์ ซึ่งเป็นเจ้าของ Wall’s ในขณะนั้น ตัดสินใจขายบริษัทให้กับ Mac Fisheries (ซึ่งมี Unilever เป็นเจ้าของปัจจุบัน) ได้เข้าซื้อกิจการ จากนั้นการผลิตไอศกรีมจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งในโรงงานที่ลอนดอน
สินค้าเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและเป็นที่นิยม ตอนนั้นเองที่ไอศกรีม Wall’s ถือกำเนิดขึ้น และใช้เวลาไม่นานก็สามารถเข้าไปอยู่ในใจชาวลอนดอนได้
กำเนิด “รถไอศกรีมวอลล์”
จากนั้นไม่นาน โธมัส วอลล์ ก็เกิดความคิด ‘รถขายไอศกรีม’ โดยใช้รถสามล้อ กับกระดิ่ง และสโลแกนแปะหน้ารถเด่นหราว่า ‘Stop Me and Buy One’ กระตุ้นให้ผู้คนซื้อไอศกรีมมากขึ้น เนื่องจากรถจะเคลื่อนที่ไปหาลูกค้าทุกซอกทุกมุม สะดวก ง่ายต่อการซื้อ
สุดท้ายได้ผลตอบรับอย่างดี จากนั้นรถไอศกรีมวอลล์บนท้องถนนก็เพิ่มขึ้นจาก 10 คันในปี 1922 Z ( ครบ 100 ปีในปีนี้ 2022) เป็น 8,500 คันในปี 1939
วอลล์ กลายมาเป็นไอศกรีมเบอร์หนึ่งในสหราชอาณาจักร
เอาใจของใหม่ จนละเลยของเก่า
จากที่ราบรื่นมาตลอด ในที่สุดยูนิลิเวอร์ก็ต้องเผชิญกับพายุธุรกิจไอศกรีมลูกใหญ่ เมื่อแบรนด์ Magnum (แมกนั่ม) เข้ามาอยู่ในพอร์ตของวอลล์ ทีมการตลาดหันไปโหมกระแส โปรโมตแบรนด์แมกนั่มอย่างหนัก จนทำให้แบรนด์เล็ก ๆ อันเป็นรากฐานของวอลล์ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ในปี 2014 กลยุทธ์การสร้าง Power Brand ของยูนิลีเวอร์ ที่ทุ่มเงินไปกับค่าสื่อโฆษณา โดยมุ่งเน้นไปที่แมกนั่ม (แบรนด์ระดับโลกมูลค่า 1 พันล้านยูโร) ทำให้ยอดขายเฉพาะแมกนั่มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ไอศกรีมคลาสสิกของวอลล์ ซึ่งก็จัดอยู่ในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม เช่น Funny Feet, Twister และ Calippo ได้รับการดูแลน้อยกว่า รวมถึงไม่ได้โฆษณานานกว่า 10 ปี จนห่างหายไปจากความทรงจำของผู้บริโภค
จนท้ายที่สุด ยอดขายก็ลดลงในระยะยาว ส่วนแบ่งมูลค่าการตลาดลดลง 3.6% ต่อปี และแม้จะหันมากระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคา ก็ไม่ทันเสียแล้ว ยอดขายส่งผลกระทบต่อส่วนต่างกำไรอย่างน่าเป็นห่วง
ไอศกรีมคลาสสิกเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในพอร์ตโฟลิโอของวอลล์ คิดเป็นประมาณ 50% ของรายได้ไอศกรีมของบริษัทในอังกฤษ และมีเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่สูงมาก
ซึ่งการซื้อไอศกรีมของผู้บริโภคไม่ได้มีความหวือหวานัก ไม่จำเป็นต้องมีการโฆษณากระตุ้นมากมาย เพราะเป็นเมนูที่มักเกิดจากการซื้อ ที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งอาจเกิดจากเเค่วันที่แดดออก หรือแค่แวะซื้อเพราะเป็นทางผ่าน
ก่อนจะโฆษณา แบรนด์ต้องดู “พยากรณ์อากาศ” ก่อน
การโฆษณาไอศกรีมไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าบ่อย ๆ และหาซื้อได้ง่ายที่สุด แต่ก็มีประเด็นที่ละเอียดอ่อนอยู่ว่า การทำแคมเปญโฆษณาขึ้นมานั้น ฝนฟ้าอากาศเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับวอลล์
ในประเทศอังกฤษ เป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นให้คนกินไอศกรีมช่วงฝนตก ซึ่งคนอังกฤษไม่นิยม การตลาดที่ทุ่มงบไปกับการโปรโมต โฆษณา กระตุ้นให้คนมาซื้อในช่วงนั้น จะเป็นการเผาเงินทิ้งเล่นโดยไม่มีประโยชน์ การทำการตลาดไอศกรีมของวอลล์จึงมีพยากรณ์อากาศเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยในการออกแคมเปญสินค้าตัวหนึ่ง
แคมเปญการตลาด “ไอศกรีมพูดได้” เข้ามาช่วยชีวิตไอศกรีมคลาสสิก
ในปี 2014 “ไอศกรีมพูดได้” เป็นโปรเจกต์ที่ทีมงานลองเอาตัวสินค้ามาออกแบบให้ไอศกรีมมีรอยแหว่ง เหมือนปากของคน และมีโควทคำพูดต่าง ๆ เป็นบทสนทนาของสินค้าแต่ละตัวคุยกัน
โดยเน้นไปที่โซเชียลมีเดีย โดยใช้โปสเตอร์ที่มีสีสันสดใส ซุกซน ตรงกับกลุ่มทาร์เก็ตหลักของวอลล์ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่น
แม้จะดูเป็นไอเดียธรรมดา แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นไวรัลบน Facebook ยอดเอนเกจพุ่งสูง ไอศกรีมวอลล์ถูกพูดถึงในหลากหลายช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ช่วยให้ส่วนแบ่งการตลาดฟื้นกลับมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนในอังกฤษ ส่วนแบ่งการตลาดไอศกรีมของวอลล์เพิ่มขึ้น 4-6% โดยมีไอศกรีมคลาสสิกเติบโตมากที่สุด หลังจากที่ยอดขายไอศกรีมคลาสสิกร่วงลงไปตั้งแต่แมกนั่มเข้ามา
แคมเปญนี้ช่วยให้วอลล์ขายไอศกรีมเพิ่มขึ้นได้ 2.7 ล้านชิ้นในช่วงฤดูร้อน
แบรนด์ที่เป็นหัวใจหลักของวอลล์ประกอบด้วยแบรนด์ไอศกรีมเฉพาะประเทศมากมายทั่วโลก เช่น Holanda ในเม็กซิโก Kibon ในบราซิลและ Langnese ในเยอรมนี Bubble O Bill ในออสเตรเลีย Flutschfinger ในประเทศเยอรมนี Dolomiti ในอิตาลี
ทั้งหมดเป็นไอศกรีมท้องถิ่นที่หลายคนชื่นชอบ แต่ถูกลืมเลือนไปในตอนที่แมกนั่มเข้ามา จนกระทั่งแคมเปญไอศกรีมพูดได้เข้ามาช่วยชีวิตพวกมันไว้ และแก้ปัญหาให้กับธุรกิจขนาดใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ได้ชาญฉลาด
ซึ่งเป็นบทเรียนที่บอกกับทีมการตลาดว่า แม้จะมุ่งเน้นไปที่แบรนด์ซึ่งเป็นพอร์ตใหญ่ของบริษัท แต่ต้องไม่ลืมแบรนด์เล็ก ๆ แต่ทำกำไรในภาพรวมได้มากด้วย
‘ปรัชญา’ ที่แฝงอยู่ใน ‘การกินไอศกรีม’
สังเกตว่าในการกินทุกครั้ง เราจะเริ่มจากไอศกรีมที่อยู่บนสุดก่อน และค่อย ๆ ไล่ระดับลงมาจนหมด และต้องเเข่งกับสภาพอากาศที่จะค่อย ๆทำให้มันละลาย
เปรียบได้กับการบังคับให้คนเราต้องรีบตักตวงเก็บโมเมนต์ที่อยู่ตรงหน้าให้ได้มากที่สุด หรือใช้เวลากับปัจจุบันนั่นเอง เพื่อแข่งกับเวลาที่ไอศกรีมเริ่มละลาย
Wall’s ประเทศไทย ฐานการผลิตใหญ่ส่งอาเซียน
ในปัจจุบันตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจไอศกรีมของยูนิลิเวอร์ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เลบานอน อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มัลดีฟส์ จอร์แดน และไทย
Wall’s มีไอศกรีมที่หลากหลายประเภทที่ผลิตและทำการตลาดในระดับโลก เช่น ไอศกรีมโคนคอร์นเนตโต (Cornetto) ไอศกรีมวอลล์แมกนั่ม (Magnum) ไอศกรีม Feast และไอศกรีม Viennetta ฉายา “ของหวานระดับพรีเมียม”
สำหรับในไทยประเทศเมืองร้อน สภาพอากาศเหมาะอย่างยิ่งแก่การเติบโตของตลาดไอศกรีม สถาบันอาหาร FIC เผยว่า คนไทยบริโภคไอศกรีมเฉลี่ยประมาณ 1 กิโลกรัม/คน/ปี
ซึ่ง Wall’s ได้เข้ามาไทยในช่วงปี 1989 มีช่องทางการขาย ทั้ง Traditional Trade, Convenience Store ตลอดจน Super Market และที่สำคัญคือ รถจักรยานยนต์คันสีแดงที่เป็นภาพจำของวอลล์ ที่วิ่งผ่านถนนทุกตรอกซอย ทำให้คนจดจำวอลล์ได้ทุกเพศทุกวัย
จนกลายมาเป็นไอศกรีมแบรนด์อันดับ 1 ในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 45% ท่ามกลางมูลค่าตลาดไอศกรีมในไทย 17,000 ล้านบาท (ตัวเลขมูลค่า ณ ปี 2563)
นอกจากนั้น ปัจจุบันไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของยูนิลิเวอร์ ที่ให้ไทยผลิตและส่งออกไอศกรีมไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
อ้างอิง: streetsicecream, unilever, wallsthailand, brake, campaignlive , Marketeeronline, FIC, alamy, ifoodtv
I-
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /


