เปิดเวทีให้เยาวชนคนรุ่นใหม่โชว์ศักยภาพอีกครั้ง สำหรับโครงการ “Krungsri IMAX Video Contest 2022” ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 8 กับการประลองไอเดียสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์ ในหัวข้อ “ชีวิตดี๊ดี เมื่อมี KMA”

ภายใต้ข้อกำหนดความยาววิดีโอไม่เกิน 1 นาที ครีเอตการเล่าเรื่องถึงชีวิตประจำวันว่า ดี๊ดี อย่างไร เมื่อมี KMA-Krungsri Mobile App แอปของกรุงศรีที่มาช่วยจัดการเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่าย สะดวก สบาย โดยในปีนี้มีน้อง ๆ นักเรียน นิสิตนักศึกษาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 200 ทีม เพื่อชิงเงินและของรางวัลรวมมูลค่า 200,000 บาท

ผลปรากฏว่าทีม ยี่สิบสามจุดห้าแปด เอ็กซ์ เลม่อนสเปซ (23.58 x Lemon Space) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง ขณะที่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของทีม น๊อกเฮ้าส์เก้าเก้าเก้า-Knock House999 จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ทีม เพอร์เฟคสแควร์-Perfect square น้อง ๆ จากโรงเรียนสมุทรปราการ

แน่นอนว่าโจทย์หรือหัวข้อการประกวดในแต่ละปียังคงคอนเซ็ปต์ปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงสอดรับกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ๆ เช่นเดียวกับความร่วมมือของธนาคารกรุงศรีอยุธยาและเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสังคม ผ่านการสร้างพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้สร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าในชีวิต และที่น่าสนใจคือ นอกเหนือจากการร่วมกันจัดกิจกรรมการประกวดติดต่อกัน 8 ปีแล้ว ทั้งสององค์กรยังเป็นพันธมิตร Naming Sponsor “Krungsri IMAX” มายาวนานถึง 18 ปี

Marketeer ถือโอกาสนี้เดินทางมาพูดคุยแบบ Exclusive กับหัวเรือใหญ่จากทั้งสององค์กร ถึงเรื่องราวของการประกวดในครั้งนี้ ความร่วมมือที่ดีตลอด 18 ปีที่ผ่านมา และทิศทางการสร้างกิจกรรมร่วมกันในอนาคตระหว่าง “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” และ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์”

วรรณิภา รุ่งเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายกิจกรรมการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จัดเวทีการประกวดร่วมกันมากว่า 8 ปี โดยแต่ละปีมีหัวข้อกิจกรรมและคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัยและสถานการณ์ เริ่มต้นจากการประกวดแผนธุรกิจการตลาด ปัจจุบันเป็นการประกวด Video Contest จากสมัครแรกเริ่มที่ 50-60 ทีม ในวันนี้มีมากกว่า 200 ทีม มีตั้งแต่เด็กนักเรียน นิสิตนักศึกษา ไปจนถึงบุคคลทั่วไปอายุไม่เกิน 30 ปี เวทีนี้จึงเปรียบเสมือนพื้นที่ให้น้อง ๆ ได้สร้างจินตนาการและแสดงศักยภาพ ทำให้เกิดความผูกพันกับแบรนด์กรุงศรีและ IMAX ต่อยอดสู่ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในอนาคต”

โดยหัวข้อในปีนี้ วรรณิภากล่าวย้ำว่ายังคงยึดตามสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ในตอนนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างคุ้นชินและใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับข่าวสาร การช้อปปิ้ง หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ ธนาคารกรุงศรีเองในฐานะสถาบันทางการเงินที่อยู่เคียงข้างคนไทย ด้วยโซลูชันทางการเงินครบวงจรยังคงเดินหน้าทำ “เรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่าย” โดยมีแอปพลิเคชัน KMA เป็นตัวช่วยให้ทุกมิติด้านการเงินของคนไทยเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น

“เราพัฒนาแอปพลิเคชัน KMA อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชีวิตของลูกค้าง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ยกตัวอย่าง ทุกวันนี้ทุกคนสามารถฝาก ถอน โอน จ่าย ซื้อกองทุน สมัครสินเชื่อหรือบัตรเครดิต รวมไปถึงการช้อปปิ้งหรือซื้อตั๋วหนังได้ในแอปพลิเคชัน KMA ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปสาขา ลดการสัมผัสให้มากที่สุด เหล่านี้คือสิ่งที่เราพัฒนาเพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นหัวข้อการประกวดในปีนี้จึงเป็น “ชีวิตดี๊ดีเมื่อมี KMA”

ทั้งนี้ วรรณิภายังอัปเดตถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของกรุงศรีให้ฟังคร่าว ๆ ว่า ภายใต้พันธกิจหลักอย่างการทำเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่าย (Make Life Simple) กรุงศรียังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อให้ชีวิตของลูกค้าง่ายมากขึ้น ผ่านการเป็น Life Partner ที่ให้คำปรึกษาด้านการเงินในทุกมิติ ทั้งการลงทุน การวางแผนชีวิต หรือการวางแผนครอบครัว

อย่างที่เกริ่นในข้างต้นว่า นอกจากความร่วมมือในกิจกรรมการประกวดดังกล่าวนี้แล้ว ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังเป็นพันธมิตร Naming Sponsor “Krungsri IMAX” มายาวนานถึง 18 ปี ตั้งแต่แรกเริ่มของโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ที่พารากอน

“ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปี เราสร้าง Branding พัฒนากิจกรรมการตลาดและโครงการ CSR ต่าง ๆ ร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและสังคม ยกตัวอย่าง กิจกรรมส่งเสริมการตลาด เช่น การดูหนังรอบพรีเมียร์ การมอบส่วนลด สิทธิพิเศษ ซื้อตั๋วหนังเมเจอร์ ผ่านแอปพลิเคชัน KMA ไปจนถึงกิจกรรมพาน้องดูหนังให้กับน้อง ๆ ด้อยโอกาสทั่วประเทศที่ทำต่อเนื่อง และล่าสุดกับการสร้างโรงหนังถาวรให้กับน้อง ๆ ผู้พิการทางการได้ยินที่โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆในเขตสาทร ในอนาคตเรายังคงคิดและพัฒนากิจกรรมร่วมกันต่อไป เพราะหากพูดถึงหนังเมเจอร์ทุกคนต้องนึกถึง Krungsri IMAX นับเป็นภาพจำที่มาคู่กัน”

ด้าน นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงการร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีว่า

“หนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญของธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นั่นคือการสร้างสังคมไร้เงินสด Cashless Cinema ที่ผ่านมา เราพยายามทรานส์ฟอร์มการชำระเงินมาอยู่ในรูปแบบ Cashless ให้มากที่สุด ทั้งการจ่ายผ่าน QR Code, ชำระผ่านแอปฯ KMA หรือผ่านแอปฯ เมเจอร์เอง ซึ่งผลลัพธ์คือปัจจุบัน 95% ของลูกค้าทั้งหมดชำระเงินแบบ Cashless โดยก่อนช่วงโควิด-19 ตัวเลขอยู่ที่ราว 30% เท่านั้น ถือเป็นความสำเร็จในปีนี้”

เป้าหมายในปีหน้า นรุตม์บอกว่าจะเป็นเรื่องการก้าวสู่ Mobile First หรือการทรานส์ฟอร์มการซื้อตั๋วหนังจากหน้าตู้จำหน่ายที่เป็นแบบ Cashless ไปอยู่บน Mobile ทั้งหมด คือ จากเดิมที่กดซื้อตั๋วหนังที่ตู้บริการจะเปลี่ยนเป็นการซื้อผ่านแอปพลิเคชัน KMA หรือเมเจอร์ รับตั๋วหนังในรูปแบบ E-ticket หรือ QR Code ลดการสัมผัสแบบ 100%

“พยายามที่จะโน้มน้าวลูกค้าให้จบ Transaction ทุกอย่างอยู่บนแอปฯ ให้ได้ ซึ่งข้อดีของรูปแบบนี้คือ เราสามารถรู้พฤติกรรมอินไซต์ของลูกค้าได้ ทั้งแนวหนังที่ชื่นชอบ ความถี่ในการดูหนัง ทำให้ในอนาคตเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าแบบ Personalize ได้ ถัดมาคือ ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการซื้อตั๋วล่วงหน้า มาถึงก็เดินเข้าโรงหนังได้เลย เพราะฉะนั้น Timing ในการเตรียมตัวที่จะเข้าโรงจะสั้นลง สะดวกมากขึ้น”

สำหรับทิศทางการดูแลพันธมิตรของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในปีหน้านั้นจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

“ในปีหน้าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และธนาคารกรุงศรี รวมถึงแบรนด์พันธมิตรอื่น ๆ จะรุกทำการตลาดเข้มข้นมากขึ้น เริ่มตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างสิทธิประโยชน์พิเศษ (Privilege) กับลูกค้ากรุงศรี และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ และที่สำคัญการทำ CSR ที่จะมุ่งไปยังเรื่อง Sustainability และ ESG ซึ่งการทำ Mobile First ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งเพราะเป็นการลดตั๋ว ลดกระดาษ ลดการตัดไม้ทำลายป่า เราจะลงไป Educate ให้กับน้อง ๆ ในเรื่องนี้มากขึ้น หมายความว่าในปีหน้าจะไม่ใช่แค่เรื่องการทำการตลาด หรือการสร้างแบรนด์ แต่ยังจะมุ่งไปยัง Sustainability มากขึ้น”

ทั้งนี้ นรุตม์ยังอัปเดตภาพรวมของธุรกิจโรงหนังในช่วง After Pandemic ให้ฟังว่า

“ปัจจุบันธุรกิจโรงหนังกลับมาเป็นปกติแล้ว ล่าสุดที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จัดแคมเปญ “28 ปีแห่งความสุข แทนคำขอบคุณจากใจ ดูหนัง 28 บาท” ทุกรอบ ทุกสาขา มีคนมาดูหนังกว่า 800,000 คนทั่วประเทศ ตอกย้ำการเป็น Affordable Entertainment ของธุรกิจโรงหนัง ขณะที่จำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายอย่างหนังฮอลลีวูดอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ก็สามารถทำเงินได้เกินเป้าหมายทุกเรื่อง”

ในปีหน้า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์เองจะลงทุนสร้างหนังไทยป้อนตลาดมากขึ้น ตอบโจทย์ดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งวางแผนไว้ราว 20 เรื่องพร้อมฉายตลอดทั้งปี

อีกหนึ่งความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายคือ Popcorn Business ที่เติบโตในทุกช่องทางการขาย สร้างรายได้ 30-40 ล้านบาทต่อเดือน

ป๊อปคอร์นของเมเจอร์เป็นอันดับ 1 ในหมวด Snack ของเดลิเวอรีทุกแบรนด์ ปัจจุบันเรามีช่องทางการขายทั้งในช่องทางเดลิเวอรี โมเดิร์นเทรด โดยในปีหน้าจะมีการ Relaunch ร่วมกับแบรนด์เถ้าแก่น้อยเพื่อวางขายใน 7-11 และอีกหนึ่งช่องทางที่พัฒนาอยู่คือตู้ Kiosk ที่ตอนนี้มีประมาณ 40 สาขา เราตั้งเป้าว่าในปีหน้า ทุกสถานที่มีโรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จะมี Kiosk ของป๊อปคอร์น เมเจอร์ด้วย” นรุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

 



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน