ตั้งแต่เมษายนนี้เป็นต้นไปมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นอีก 17 แห่ง จะเปิดสอนคณะสารสนเทศ (IT) และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) ในระดับปริญญาตรี ทำให้ต่อไปจะมีบัณฑิตคณะดังกล่าวเพิ่มมาอีกปีละ 1,900 คน

และหากรวมกับของมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ๆ อีก 137 แห่งจะทำให้แต่ละปีญี่ปุ่นจะมีบัณฑิตคณะเดียวกันนี้ป้อนสู่ตลาดแรงงานปีละ 21,600 คน

ในจำนวนมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะ IT และ Data Science มีบางแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยฮิโตสึบายาชิ  เป็นการเปิดคณะใหม่เป็นครั้งแรกนับจากก่อตั้งสถาบันเมื่อปี 1951 หลังเห็นว่ามหาวิทยาลัยแห่งอื่น อย่างมหาวิทยาลัยชิกะ เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2017 

คณะ IT และ Data Science เป็นสาขาวิชาที่สามารถนำไปใช้กับการพัฒนาเทคโนโลยี บริหารจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล (Big data) รวมไปถึงพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะบรรดาประเทศใหญ่ ๆ ต่างก็มุ่งแข่งขันกันด้านเทคโนโลยี

ทว่าญี่ปุ่นกลับขาดแคลนผู้มีความรู้ความสามารถในด้านนี้ โดยตามข้อมูลเมื่อปี 2019 ระบุว่า เมื่อถึงปี 2030 ญี่ปุ่นจะขาดแคลนผู้มีความรู้ความสามารถด้านนี้มากถึง 790,000 คน และหากไม่แก้ไขญี่ปุ่นจะถูกประเทศอื่น ๆ ทิ้งห่างด้านนวัตกรรมมากขึ้น  

เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นระดับชาติของญี่ปุ่นและทั่วโลกก็จับตามอง เพราะเป็นที่รู้กันว่า ญี่ปุ่นเคยเป็นประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยี และใช้สินค้าเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง Walkman และ Gameboy รวมไปถึงยานยนต์ ตีตลาดโลกได้สำเร็จและพาประเทศฟื้นจากสงคราม

แต่ราว 10 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นกลับล้าหลังด้านนวัตกรรม ทำให้ถูกประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกอย่างเกาหลีใต้กับจีนแซงขึ้นไป จนส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศบนเวทีโลก

นอกจากนี้ ยังปรับสู่การเป็นดิจิทัลช้ามาก ยังใช้แฟกซ์ในการส่งข้อมูลจนรับมือกับสถานการณ์โควิดล่าช้า และมีข่าวว่าทั้งภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่น ยังไม่ได้ย้าย Browser จาก Internet Explorer ของ Microsoft ไปเป็น Chrome ของ Google ทั้งที่ Microsoft ได้แจ้งนานแล้วว่าจะปิดให้บริการ เพราะแทบไม่มีใครใช้กันแล้ว  

จนเมื่อปี 2022 ที่ Internet Explorer ปิดให้บริการ ญี่ปุ่นยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนในการย้าย Browser/nikkei



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน