สถานการณ์โควิดตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ทิ้งเรื่องราวมากมายไว้ให้คนทั่วโลก ทั้งการต้องบันทึกไว้ว่าเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไปมหาศาล ภาวะ Lockdown และวิถีชีวิตแบบ New Normal

ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมชิปที่เคยถูกมองข้ามได้เติบโตและทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญ เพราะเจ้าแผ่นเล็ก ๆ นี้จำเป็นต่อทั้งการทำงานและประมวลผลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยวดยานพาหนะ ตั้งแต่ Smartphone ไปจนถึงเครื่องบินลำยักษ์เลยทีเดียว  

อีกประเด็นที่ทำให้อุตสาหกรรมชิปน่าสนใจ คือ ประเทศที่มีบทบาทสำคัญมักมีขนาดเล็กหรือไม่ก็ไม่ใช่ชาติมหาอำนาจ เช่น ไต้หวัน ที่มีบริษัทชิปอยู่มากมาย และ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ASML บริษัทเครื่องผลิตชิป

ตีกรอบให้แคบลงมาเฉพาะในกลุ่มประเทศ ASEAN สิงคโปร์ก็มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมชิปในฐานการผลิต และยังคงเดินหน้าไม่หยุดจากการมาสร้างโรงงานของหลายบริษัท

ราวกลางปี 2021 Global Foundries ค่ายชิปสัญญาณอเมริกัน ทุ่มงบ 4,000 ดอลลาร์ (ราว 140,000 ล้านบาท) สร้างโรงงานทางตอนเหนือของสิงคโปร์ โดยจุดแข็งอยู่ที่โซนอัตโนมัติที่ AI สั่งการให้หุ่นยนต์ทำงาน

 

ต่อมาช่วงมีนาคม 2022 UMC 1 ใน 4 ค่ายชิปใหญ่สุดของไต้หวัน ก็ทุ่มงบ 5,000 ดอลลาร์ (ราว 175,000 ล้านบาท) ขยายโรงงานที่มีอยู่เดิมในสิงคโปร์

ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถผลิตชิป 30,000 ชิ้นต่อเดือน เพื่อป้อนให้กับบรรดาลูกค้าที่มีตั้งแต่ยักษ์เทคไปจนถึงค่ายยานยนต์ 

พอล่วงสู่ปลายปีเดียวกัน Applied Materials บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ในสายการผลิตชิป สัญชาติอเมริกัน ก็ประกาศสร้างโรงงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์ ภายใต้งบลงทุน 450 ล้านดอลลาร์ (ราว 15,700 ล้านบาท)

เพื่อป้อนให้กับค่ายชิปใหญ่ ๆ ซึ่งในจำนวนนี้มี TSMC บริษัทชิปอันดับ 1 ของโลกสัญชาติไต้หวันรวมอยู่ด้วย

ล่าสุดปีนี้ Soitec บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส ผู้ผลิตซิลิคอนบนแผ่นฉนวนที่เพิ่มประสิทธิและความปลอดภัยของชิป ได้ประกาศสร้างโรงงานแห่งใหม่ ภายใต้งบลงทุน 430 ล้านดอลลาร์ (ราว 15,000 ล้านบาท) โดยเป็นการลงทุนในระยะยาว

เพราะมั่นใจว่าต่อไปชิปจะยิ่งขยายตัว และเป็นสิ่งขาดไม่ได้ในอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต่างต้องมีความสามารถในการประมวลผลและเชื่อมต่อ

มี 2 ประเด็นที่ทำให้การขยายโรงงานของบริษัทในอุตสาหกรรมชิปทั้ง 4 นี้ในสิงคโปร์ น่าสนใจ ประเด็นแรกคือทุกบริษัทต่างเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมชิปจะกลับมาเติบโต

แม้วิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์ในยุโรป จะทำให้ปีนี้ยอดขายชิปลดลง 4.1% ถือเป็นการหดตัวตั้งแรกในรอบ 4 ปี ก็ตาม

ส่วนประเด็นที่ 2 คือ เป็นการแสดงให้เห็นว่า แม้ขนาดประเทศเล็ก แต่สิงคโปร์ก็พร้อมทุกด้านและเปี่ยมศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตชิป

เพราะเป็นประเทศที่เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางขนส่งลำเลียงสินค้าจึงดำเนินไปได้โดยสะดวก และการเป็นกลางทางการเมือง จึงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไม่มากนัก

ขณะที่รัฐบาลก็ขจัดข้อติดขัดและยินดีอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้เพื่อดึงดูดการลงทุนจากค่ายชิป และโกยเงินจากอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ยืนยันได้จากคิดเป็น 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)/nikkei



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online