ช็อกโกแลตเป็นอีกขนมหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบรับประทาน ซึ่งมนุษย์เรารู้จักช็อกโกแลตกันมานานกว่าหลายพันปี แต่กว่าจะมาเป็นช็อกโกแลตแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบันก็เมื่อปี 1847 นี่เอง หลังจากนั้นช็อกโกแลตก็กลายเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง และสร้างผลกำไรให้กับอุตสาหกรรมของหวานอย่างยิ่งใหญ่
โดยในปีที่แล้วมีการขายช็อกโกแลตมากกว่า 7.5 ล้านตันทั่วโลก ทำให้ในปี 2023 มีการคาดการณ์ว่าตลาดช็อกโกแลตทั่วโลกจะมีมูลค่ามากกว่า 62.4 พันล้านดอลลาร์ และในปี 2024 คาดกันว่าตลาดช็อกโกแลตทั่วโลกจะเติบโตกว่า 7.0% ในช่วงปี 2022 ถึง 2030 และสูงถึง 156.74 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 รวมไปถึงมีการคาดว่าตลาดช็อกโกแลตทั่วโลกจะเติบโตที่ CAGR 4.5% จนถึงปี 2033 อีกด้วย
ตลาดช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อเมริกาเหนือ และยังเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่หลายราย อย่างเช่น Mars (มาร์ส) Mondelez International (มอนเดลีซ อินเตอร์เนชั่นแนล) และ Hershey (เฮอร์ชีย์) ตามมาด้วยยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ส่วนในเอเชียตลาดช็อกโกแลตเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด
ด้วยเหตุที่ตลาดช็อกโกแลตเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีการแข่งขันที่สูง และส่วนแบ่งในตลาดส่วนใหญ่อยู่กับแบรนด์ใหญ่ ๆ ซึ่งจากข้อมูลของ Statista พบว่าในปี 2016 ผู้นำตลาดช็อกโกแลตตกเป็นของ Mars ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 14.4% ตามมาด้วย Mondelez International ที่ 13.7% และ Nestle (10.2%) Ferrero (9.5%) และ Hershey (7.2%) ตามลำดับ
ซึ่งมูลค่าของบริษัท Mars ในตลาดช็อกโกแลตทั่วโลกมากถึง 29.5 ล้านล้านบาท ส่วน Mondelez มีมูลค่ามากถึง 30.2 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุนี้ทั้งสองบริษัทจึงถือเป็นคู่แข่งทางการตลาดที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมา Mars มีรายได้ต่อปีประมาณ 20–37 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ครอบครัวของ Mars ร่ำรวยที่สุดในอเมริกาเป็นอันดับ 3 ในปี 2020 ด้วยทรัพย์สินมูลค่าสุทธิ 94 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Mondelez มีรายได้ต่อปีประมาณ 15–35 พันล้านดอลลาร์
นอกจากตลาดช็อกโกแลตแล้ว ในตลาดอื่นๆ อย่างลูกอมและหมากฝรั่ง ทั้งสองก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทคู่แข่งกันอีกด้วย อย่างในช่วงปลายปีของปี 2022 Mondelez ได้ขายธุรกิจหมากฝรั่งในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และยุโรป ให้กับ Perfetti Van Melle บริษัทผลิตหมากฝรั่งและลูกกวาดชั้นนำของยุโรป ในราคา 1.35 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขายเพื่อยกระดับกลยุทธ์การปรับพอร์ตโฟลิโอของบริษัท
ในขณะที่ Mars ซื้อกิจการ Trü Frü (ทรูฟรู) แบรนด์ขนมขบเคี้ยวจากผลไม้ทั้งลูกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อตั้งในปี 2017 โดยเป็นการซื้อกิจการเพื่อช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
แม้ทั้งสองบริษัทมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน แต่ก็คำนึงถึงการบริหารเพื่อให้บริษัทเติบโตเหมือนกันทั้งคู่ แต่กว่าทั้งสองบริษัทจะเติบโตเท่านี้ ทั้งคู่ผ่านอุปสรรคมามากมายจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ถ้าพร้อมแล้วมารู้จักกับ Mars และ Mondelez International กันเลย
Mars บริษัทขนมหวานที่ใหญ่สุดในโลก
Mars, Incorporated ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 เป็นหนึ่งในบริษัทอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งโดย Franklin Clarence Mars (แฟรงคลิน คลาเรนซ์ มาร์ส) ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจสี่ส่วน ได้แก่ Petcare, Food, Mars Wrigley และ Mars Edge นอกจากนี้ Mars ยังถือว่าเป็นบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นในอเมริกาเป็นอันดับ 4 ของปี 2022
โดย Mars Wrigley Confectionery เป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังลูกอมและช็อกโกแลตแท่งที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคนทั่วไปจำนวนมาก ซึ่งดูแลทั้งแบรนด์ M&Ms, Skittles, Snickers และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งในปี 2018 Mars ทำรายได้ 35 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2019 Mars ทำรายได้ 37 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2020 Mars ทำรายได้ 37 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2021 Mars ทำรายได้ 40 พันล้านดอลลาร์
และในปี 2022 Mars ทำรายได้ 45 พันล้านดอลลาร์
เรียกได้ว่า Mars เป็นบริษัทขนมหวานที่ใหญ่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่าอาณาจักร Mars ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นี้ ก่อตั้งโดยคนที่มีชีวิตยากลำบากกว่าใคร ๆ เพราะผู้ก่อตั้งเป็นโรคโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งเขาก็คือ Franklin Clarence Mars (แฟรงคลิน คลาเรนซ์ มาร์ส)
Franklin C. Mars เกิดมาพร้อมกับโรคโปลิโอตั้งแต่เด็ก ชีวิตของเขามีความยากลำบากกว่าเด็กทั่วไป ทำให้เขาไม่สามารถไปโรงเรียนได้เหมือนกับคนอื่น ๆ เขาจึงได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านกับแม่ของเขา
โดยแม่ของเขาก็มักจะสอนวิธีทำขนมต่าง ๆ และเมื่อแม่ของเขาได้สอนวิธีทำช็อกโกแลตแบบ Hand Dipped ซึ่งสิ่งนี้ได้จุดประกายให้ Franklin C. Mars มีความคิดอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับขนมขึ้นมา
และในปี 1911 Franklin C. Mars ก็ได้ก่อตั้งโรงงาน Mars Candy Factory ขึ้นมาในเมืองทาโคมา วอชิงตัน เพื่อผลิตและจำหน่ายลูกกวาดในลักษณะขายส่ง แต่ด้วยความที่เขาไม่มีประสบการณ์ด้านบริหาร และยังมีคู่แข่งในตลาดเดียวกันที่แข็งแกร่งกว่าอย่าง Brown & Haley ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในเมืองทาโคมาเช่นเดียวกัน ทำให้ธุรกิจของเขาต้องจบลงและปิดกิจการไป
เขาจึงตัดสินใจไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองมินนีแอโพลิส มินนิโซตา ซึ่งเป็นรัฐบ้านเกิดของเขา ด้วยการก่อตั้งบริษัท Mar-O-Bar ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Mars, Incorporated ในภายหลัง
และแล้วธุรกิจของเขาในครั้งนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จไม่เหมือนครั้งก่อน เนื่องจากในปี 1923 เขาได้เปิดตัวช็อกโกแลตผสมนมแบบแท่ง Milky Way ที่ได้ไอเดียมาจาก Forrest E. Mars ลูกชายของเขา ซึ่งลูกชายของเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมิลค์เชกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนั้นอีกทีหนึ่ง ก่อนมาต่อยอดเป็นช็อกโกแลตแท่ง
ถือได้ว่าช็อกโกแลตแท่ง Milky Way เป็นสุดยอดไอเทมลับเลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งนี้นอกจากจะฮิตติดตลาดอย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยให้ยอดขายของบริษัท Mars ในปีนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 11 เท่าตัวภายในปีเดียวอีกด้วย
เมื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท Mars เป็นที่นิยมของผู้บริโภคจนทำให้ผลประกอบการดีขึ้น ส่งผลให้ Mars สามารถดำเนินธุรกิจต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี รวมไปถึงสามารถคิดค้นสินค้าใหม่ ๆ ออกจำหน่ายสู่ตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการเติบโตและขยายธุรกิจสืบต่อไป
จนในปี 1930 บริษัทได้เปิดตัวอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ด นั่นก็คือ Snickers ขนมช็อกโกแลตที่หลายคนชอบรับประทานและรู้จักเป็นอย่างดีนั่นเอง นอกจากนี้ 3 ปีต่อมาบริษัทก็ได้เปิดตัว 3 Musketeers ออกสู่ตลาดอเมริกา ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ทุกอย่างดูดำเนินไปได้ด้วยดี แต่วันหนึ่ง Forrest E. Mars ลูกชายของ Franklin C. Mars ต้องการแยกทางจากพ่อของเขา เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารธุรกิจในหลาย ๆ เรื่อง และมีวิสัยทัศน์ต่ออนาคตของบริษัทไม่เหมือนกัน เขาจึงเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อก่อตั้งธุรกิจในปี 1932
โดยเริ่มต้นจากการก่อตั้งโรงงานขนาดเล็ก และบริษัท Mars Limited ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ธุรกิจของเขาก็คือช็อกโกแลตแท่ง Mars Bar ที่เขาได้คิดค้นขึ้นมากับมือ แต่ถึงแม้ว่าธุรกิจของ Forrest E. Mars จะประสบความสำเร็จเป็นแล้วนั้น เขาก็ยังหาช่องทางและโอกาสทางธุรกิจในตลาดอื่น ๆ อีกด้วย
อย่างธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เพราะในสมัยนั้นคู่แข่งในตลาดนี้ยังมีไม่มากและตลาดนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว Forrest E. Mars จึงตัดสินใจเข้าสู่วงการอาหารสัตว์ ด้วยการซื้อกิจการ Chappell Brothers ผู้ผลิตอาหารสุนัขกระป๋อง Chappie ในปี 1935 ซึ่งกิจการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของอาหารสัตว์อีกหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Pedigree, Whiskas, Eukanuba, Lams, Royal Canin หรือ Nutro เป็นต้น
ต่อมา ในปี 1940 เขาก็ได้เดินทางกลับไปประเทศบ้านเกิดและก่อตั้งบริษัท M&M Limited ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเห็นทหารอังกฤษกินช็อกโกแลตที่เคลือบน้ำตาล เพื่อป้องกันการละลายจากอากาศร้อน เขาจึงคิดว่าช็อกโกแลตรูปแบบนี้ตอบโจทย์ทหารอเมริกันที่ประสบปัญหาช็อกโกแลตที่พกติดตัวละลายก่อนจะได้รับประทานนั่นเอง
ส่งผลให้ M&M’s มีจุดขายในเรื่องของความสะดวกในการพกพาและไม่ละลายท่ามกลางอากาศร้อน โดยแบรนด์นี้เป็นการก่อตั้งระหว่าง Forrest E. Mars และ Bruce Murrie หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาและยังเป็นทายาทประธานบริษัทช็อกโกแลตยักษ์ใหญ่ Hershey อีกด้วย ซึ่งหลังจาก Bruce Murrie แยกตัวออกมาจากธุรกิจ Forrest E. Mars ก็ได้นำ M&M’s มาอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Mars Limited
เรียกได้ว่ากิจการของ Forrest E. Mars ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ธุรกิจ Mars, Incorporated ของพ่อของเขาประสบปัญหาและผลการดำเนินงานเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ หลังจากที่พ่อของเขาได้เสียชีวิตไป
Forrest E. Mars จึงซื้อหุ้นคืนจากญาติพี่น้องและนักลงทุนรายอื่น ๆ เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถพลิกฟื้นธุรกิจที่พ่อของเขาสร้างมากับมือได้ และในที่สุดเขาก็สามารถทำให้ธุรกิจกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง ทำให้เขาตัดสินใจรวมธุรกิจที่ตัวเขาเองและพ่อของเขาก่อตั้งขึ้นมาอยู่รวมกันภายใต้ Mars, Incorporated ได้อย่างสมบูรณ์
Mondelez บริษัทผลิตขนมระดับนานาชาติ
Mondelez International, Inc. ก่อตั้งโดย James Lewis Kraft (เจมส์ ลูอิส คราฟท์) ในปี 1903 เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบไปด้วยเครื่องดื่ม บิสกิต อาหาร ช็อกโกแลต หมากฝรั่ง และลูกอม โดยแบรนด์ของบริษัทมีทั้ง Nabisco, Toblerone, Oreo, Cadbury และอื่น ๆ อีกมากมาย
ปัจจุบัน Mondelez ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes Global 2000 ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยใช้มาตรวัด 4 รายการ ได้แก่ ยอดขาย กำไร สินทรัพย์ และมูลค่าตลาด โดย Mondelez เป็นอันดับที่ 222 มียอดขาย 28.72 พันล้านดอลลาร์ กำไร 4.3 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 67.09 พันล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาด 89.98 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งในปี 2018 Mondelez ทำรายได้ 26.2 พันล้านดอลาร์
ในปี 2019 Mondelez ทำรายได้ 25.9 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2020 Mondelez ทำรายได้ 26 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2021 Mondelez ทำรายได้ 26.6 พันล้านดอลลาร์
และในปี 2022 Mondelez ทำรายได้ 28.7 พันล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน Mondelez เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติที่ดำเนินงานในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก แต่แท้จริงแล้ว Mondelez มีต้นกำเนิดมาจาก Kraft Foods Inc. โดยเริ่มแรกบริษัทนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ที่กำหนดในอุตสาหกรรมไอศกรีมของสหรัฐอเมริกา
ต่อมา บริษัทได้เป็นที่รู้จักและโด่งดังมากขึ้น จึงได้ขยายกิจการซื้อ Phenix Cheese บริษัทผู้ผลิตครีมชีส และกิจการอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงได้เสนอซื้อกิจการ Cadbury แบรนด์ผู้ผลิตช็อกโกแลตที่เป็นที่รักของคนทั่วโลกในปี 2009 ในราคา 10.2 พันล้านปอนด์อีกด้วย การซื้อกิจการ Cadbury นี้ส่งผลให้บริษัทมียอดขายโดยรวมเพิ่มมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2012 บริษัท Kraft Foods ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Mondelez ซึ่งบริหารจัดการเกี่ยวกับธุรกิจขนมเป็นหลัก ในขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ถูกแยกออกไปเป็นบริษัทใหม่ที่เรียกว่า Kraft Foods Group แทน
แม้ว่า Mondelez จะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่บริษัทก็ยังหาโอกาสเติบโตอยู่เสมออย่างในปี 2014 บริษัทได้ประกาศควบรวมธุรกิจกาแฟกับบริษัท Douwe Egberts สัญชาติเนเธอร์แลนด์ หรือในปี 2016 ที่ Mondelez ยื่นข้อเสนอ 23,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ Hershey คู่แข่งด้านการตลาด แต่ข้อเสนอนี้ก็ถูกปัดตกไปในที่สุด
ในปี 2018 Mondelez ได้ตกลงซื้อ Tate’s Bake Shop ผู้ผลิตคุกกี้ในราคาประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ และในปีต่อ ๆ มา Mondelez ได้ซื้อกิจการและลงทุนในอีกหลายแบรนด์ทั้ง Perfect Snacks, Give & Go, Hu Master Holdings, Chipita SA, Ricolino หรือ Clif Bar ซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทขนมที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหลายประเทศ
ด้วยเหตุนี้ กิจการของ Mondelez จึงเติบโตจนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในบริษัทขนมขบเคี้ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ในปี 2022 Mondelez ยังครองตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกในด้านบิสกิต (คุกกี้และแคร็กเกอร์) และอันดับ 2 ในด้านช็อกโกแลตอีกด้วย
ที่มา:
https://www.forbes.com/profile/mars-1/?sh=69e7049ac8ed
https://www.forbes.com/companies/mars/?sh=80645bd3bb75
https://www.forbes.com/companies/mondelez-international/?sh=4567f73b5c03
https://www.confectionerynews.com/Article/2012/10/02/Mondelez-against-Mars-in-China-and-Russia
https://en.wikipedia.org/wiki/Mars,_Incorporated
https://en.wikipedia.org/wiki/Mondelez_International
https://www.mondelezinternational.com/
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



