เมื่อกล่าวถึงขนมหวานในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลายคนน่าจะนึกถึงช็อกโกแลตรสชาติเข้มข้น คุณภาพพรีเมียมกันแน่นอน เพราะสวิสเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านช็อกโกแลตรสชาติเข้มข้น ถึงแม้สวิสจะไม่ได้ผลิตช็อกโกแลตได้มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ก็ยังมีชื่อเสียงด้านนี้ เนื่องจากคนสวิสบริโภคช็อกโกแลตมากจนติดอันดับต้น ๆ ของโลกนั่นเอง

ด้วยความที่ช็อกโกแลตของสวิตเซอร์แลนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงก่อให้เกิดแบรนด์ช็อกโกแลตสวิสจำนวนมากที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่างแบรนด์ Lindt & Sprüngli (ลินด์ & สปริงลี) แบรนด์ช็อกโกแลตสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 175 ปี ซึ่งก่อตั้งในปี 1845

โดย Lindt เป็นแบรนด์ผู้ผลิตช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมสูงและโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยรสชาติเข้มข้นและส่วนผสมคุณภาพสูงในกระบวนการผลิตช็อกโกแลต ซึ่งปัจจุบัน Lindt & Sprüngli เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ทำธุรกิจพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตที่จัดจำหน่ายไปทั่วโลก

ซึ่งในปี 2022 Lindt & Sprüngli สามารถทำรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 10 พันล้านดอลลาร์ ผลกำไร 536.5 ล้านดอลลาร์

ในปี 2021 Lindt & Sprüngli สามารถทำรายได้ 4.3 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 9.2 พันล้านดอลลาร์ ผลกำไร 342.7 ล้านดอลลาร์

ในปี 2020 Lindt & Sprüngli สามารถทำรายได้ 4.5 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 8.4 พันล้านดอลลาร์ ผลกำไร 512.8 ล้านดอลลาร์

ในปี 2019 Lindt & Sprüngli สามารถทำรายได้ 4.4 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 7.5 พันล้านดอลลาร์ ผลกำไร 496 ล้านดอลลาร์

และในปี 2018 Lindt & Sprüngli สามารถทำรายได้ 4.2 พันล้านดอลลาร์ สินทรัพย์ 7.3 พันล้านดอลลาร์ ผลกำไร 457.9 ล้านดอลลาร์

เรียกได้ว่า Lindt & Sprüngli เติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี จนกลายเป็นบริษัทยักษ์ที่มีมูลค่ามากกว่า 23,700 ล้านฟรังก์สวิสในปัจจุบัน และสามารถขยายร้านค้าไปได้มากกว่า 410 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ ด้วยความใส่ใจในคุณภาพช็อกโกแลตทำให้ Lindt เป็นหนึ่งในบริษัทช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก

มารู้จักกับ Lindt & Sprüngli ตำนานแบรนด์ช็อกโกแลตระดับโลกกันเลย

Lindt & Sprüngli ก่อตั้งโดย David Sprüngli (เดวิด สปริงลี) และ Rodolphe Lindt (โรดอลฟ์ ลินด์) ในปี 1845 ซึ่งเริ่มแรก David Sprüngli เชฟขนมหวานชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้ก่อตั้งธุรกิจร้านขายขนมช็อกโกแลตขึ้น ซึ่งธุรกิจของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี

David Sprüngli

ต่อมาในปี 1899 ธุรกิจของ David Sprüngli ซึ่งในขณะนั้นได้ส่งต่อให้ลูกหลานดูแล ได้เข้าซื้อกิจการโรงงานช็อกโกแลตของ Rodolphe Lindt ด้วยเงิน 1.5 ล้านโกลด์ฟรังก์ (เทียบเท่ากับประมาณ 100 ล้านฟรังก์สวิสในปัจจุบัน) ซึ่ง Rodolphe Lindt ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมช็อกโกแลตโลกเลยก็ว่าได้ เพราะในสมัยก่อนผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตยังมีลักษณะเป็นแท่งแข็ง ๆ และรสชาติขม ส่งผลให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้คนมากนัก

Rodolphe Lindt จึงได้คิดค้นเครื่องทำช็อกโกแลตและทดลองหาสูตรส่วนผสม เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่กินง่ายและรสชาติอร่อยกลมกล่อม โดยวันหนึ่งเขาได้บังเอิญเปิดเครื่องทำช็อกโกแลตทิ้งเอาไว้ แล้วพบว่า การนวดส่วนผสมเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ช็อกโกแลตมีเนื้อเนียนละเอียดจนทำให้สามารถละลายได้ในปาก พร้อมทั้งยังคงกลิ่นหอมและรสชาติของช็อกโกแลตไว้ได้เหมือนเดิม

Rodolphe Lindt

Rodolphe Lindt จึงได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยผลิตช็อกโกแลตที่โด่งดังที่สุด นั่นก็คือ เครื่อง Conching ที่ช่วยให้ช็อกโกแลตมีความสม่ำเสมอและละเอียดยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ Conching ที่เขาคิดค้นขึ้นมา ทำให้เขาสามารถผลิตช็อกโกแลตที่มีรสชาติละเอียดอ่อนและสามารถละลายในปากชิ้นแรกของโลกได้สำเร็จ ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในสูตรช็อกโกแลตละลาย (Chocolat Fondant) นั่นเอง

ด้วยความสามารถและเครื่องผลิตช็อกโกแลตที่ไม่เหมือนใครของ Rodolphe Lindt นี้ทำให้ Sprüngli ธุรกิจร้านขายขนมช็อกโกแลตสนใจและเห็นถึงอนาคตของช็อกโกแลต Lindt จึงตัดสินใจซื้อกิจการทันที ด้วยการตัดสินใจนี้ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ของครอบครัว Sprüngli กลายเป็นแบรนด์ช็อกโกแลตที่แข็งแกร่ง มีโรงงานการผลิต และยังได้รู้ความลับในการผลิตช็อกโกแลตอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้ชื่อแบรนด์กลายเป็น Lindt & Sprüngli เหมือนที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง

การเติบโตของแบรนด์ Lindt & Sprüngli

ในช่วงสองทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 อุตสาหกรรมช็อกโกแลตของสวิสมีการขยายตัวอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะในตลาดส่งออก Lindt & Sprüngli สามารถส่งออกสินค้าได้ประมาณสามในสี่ของผลผลิตไปยัง 20 ประเทศทั่วโลก และสามารถก่อตั้งบริษัทสาขาแห่งแรกในเบอร์ลินพร้อมโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตในการผลิตในปี 1928 รวมไปถึงบริษัทสาขาในประเทศอังกฤษในปี 1932

แต่ช่วงระหว่างปี 1920 ถึง 1945 บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในขณะนั้นทำให้ Lindt & Sprüngli สูญเสียความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ Lindt & Sprüngli จึงมุ่งเน้นไปที่ตลาดสวิสที่ขยายตัวอย่างช้า ๆ สำหรับตลาดช็อกโกแลต ด้วยการเปิดตัวช็อกโกแลตแท่ง Lindt Cream และ Lindt Milk ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของแบรนด์อีกด้วย

หลังจากนั้น Lindt & Sprüngli ก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ความต้องการของช็อกโกแลตพุ่งสูงขึ้น ทางแบรนด์จึงได้เริ่มส่งออกสินค้าไปจัดจำหน่ายและทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์มีการพัฒนาช็อกโกแลตในรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งในด้านบรรจุภัณฑ์และรสชาติให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นอย่าง Lindt Lindor ช็อกโกแลตแบบเม็ดกลม หรือ Lindt Excellence ช็อกโกแลตแบบแท่ง เป็นต้น

นอกจากนี้ Lindt & Sprüngli ยังได้ซื้อกิจการช็อกโกแลตและขนมหวานแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมายอย่างเช่น Caffarel, Ghirardelli และ Whitman

และการซื้อกิจการที่ให้ประโยชน์กับแบรนด์มากที่สุดคือในปี 2014 Lindt & Sprüngli ได้ซื้อกิจการผู้ผลิตช็อกโกแลตสัญชาติอเมริกัน Russell Stover ซึ่งการซื้อกิจการในครั้งนี้ทำให้ Lindt & Sprüngli กลายเป็นอันดับ 1 ในตลาดช็อกโกแลตพรีเมียมและอันดับ 3 ในตลาดช็อกโกแลตโดยรวมในสหรัฐอเมริกา

เรียกได้ว่าการพัฒนาบริษัทและการเข้าซื้อกิจการต่าง ๆ ได้ทำให้ Lindt & Sprüngli กลายเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตและจำหน่ายช็อกโกแลตสายเลือดสวิตเซอร์แลนด์ในตลาดช็อกโกแลตของโลกนั่นเอง

ด้วยความยิ่งใหญ่และเป็นแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมา Lindt & Sprüngli  จึงได้เปิด Lindt Home of Chocolate พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมทั้งน้ำพุช็อกโกแลตและร้านช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Zurich (ซูริก) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเป็นการเล่าเรื่องราวความเป็นมาของบริษัทตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการผลิตช็อกโกแลต

โดยในพิพิธภัณฑ์นี้ยังมีสถานที่อื่น ๆ ให้ท่องเที่ยวอีกมากมายอย่าง Lindt Chocolateria ที่นักท่องเที่ยวสามารถทำขนมอร่อย ๆ เป็นของตัวเองได้ หรือเข้าชมสถานที่วิจัยที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถดูกระบวนการผลิตช็อกโกแลตของ Lindt ได้ภายใน Praline Tasting Room และยังมี Lindt cafe ให้นักท่องเที่ยวได้ลองรับประทานช็อกโกแลตอีกด้วย

ปัจจุบัน Lindt & Sprüngli มีร้านช็อกโกแลต คาเฟ่ และธุรกิจประมาณ 370 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก

 

ที่มา:

https://www.lindt-spruengli.com/

https://en.wikipedia.org/wiki/Lindt

https://www.chocolate.lindt.com/world-of-lindt/lindt-history#:~:text=Our%20quality%20products%20are%20made,in%20more%20than%20120%20countries.

Exploring Lindt chocolate logo history and Lindt meaning

https://www.marketscreener.com/quote/stock/LINDT-73888/company/#:~:text=Chocoladefabriken%20Lindt%20%26%20Spruengli%20AG%20is,%2C%20Caffarel%2C%20Hofbauer%20and%20Kufferle.

6 Once-in-a-Lifetime Luxury Lodges in Australia

https://www.forbes.com/companies/lindt-sprungli/?sh=580d3f2b53f2



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online