Asava Group ครบรอบ 15 ปี แตกแบรนด์แฟชั่น ร้านอาหาร เตรียมสยายปีกไปตลาดนอก
อาซาว่า ครบรอบ 15 ปี ครึ่งปี 2023 โตแกร่ง หนุนกำไร Q3 ทำนิวไฮ ทะลุเป้า 63% เดินหน้าขยายตลาดไปอาเซียนเจาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง
จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่มาจากปณิธานของ “หมู พลพัฒน์ อัศวะประภา” และคนรู้จักอย่างกว้างขวาง หลังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชุดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยบนเวทีโลก และวงการ K-pop ทั้งชุดไทย ลิซ่า Blackpink และ วงเกิร์ลกรุ๊ป g-(i)dle สร้างการรับรู้แบรนด์อย่างมหาศาล
พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง บริษัท อาซาว่า จำกัด กล่าวว่า อาซาว่า อยู่ในเซกเมนต์แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ ซึ่งมีผู้เล่นในตลาดนี้น้อยมาก กลุ่มลูกค้ามีความจงรักภักดีกับแบรนด์สูง
เริ่มแบรนด์ในอาซาว่ากรุ๊ปมาจากAsava เเต่ปัจจุบันขยายพอร์ตธุรกิจในเครืออีกหลายแบรนด์ รวม 5 แบรนด์ที่เป็นเเฟชั่น เเละ 2 แบรนด์ที่เป็นร้านอาหาร ประกอบด้วย
-Asava เเบรนด์เสื้อผ้าสุภาพสตรีเรียบ หรูหรา
-Asv เริ่มเมื่อ 2009 เสื้อผ้าสตรีแบบเรียบง่าย
-Uniform by Asavaเป็นเซกเมนต์เเบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของอาซาว่ากรุ๊ป เริ่มมาตั้งเเต่ 2010 เเละพีคขึ้นหลังได้ออกแบบยูนิฟอร์มให้กับเอเชียบูทีคเเอร์ไลน์ เเละคว้ารางวัล “7 ยูนิฟอร์มที่สวยที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นรางวัลที่ทำให้ชื่ออาซาว่าเคียงคู่กับ YSLเเละ Gucci เป็นจุดเปลี่ยนสร้างชื่อให้กับเเบรนด์ จากนั้นมีลูกค้ารายใหญ่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมงานกับ เดอะพิซซ่า เเละธนาคารกรุงไทย
-MOO เริ่มปี 2019 เสื้อผ้าสุภาพบุรุษ
-White Asavaเริ่มมาในปี 2020 ตัดชุดแต่งงาน
เเละร้านอาหาร SAVA Modern THAI Flavour และ Co Limited
โดยภาพรวมการเติบโตของแบรนด์ ในช่วงครึ่งปี 2023 ยอดขายแบรนด์เพิ่มขึ้นแทบจะทั้งหมด ทั้ง Asava ยอดขายโต 35%, Asv 23% และ Uniform by Asava 102% ขณะที่ภาพรวมแบรนด์ภายใต้เครืออาซาว่ากรุ๊ปทั้งหมดเติบโต 63% ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายโดยภาพรวมในปีนี้เเละปีหน้าจะเติบโตเกินกว่า 50%ได้
“โควิดรอบแรกยอดขายตกลงเพราะคนเป็นกังวลเรื่องสถานการณ์ไม่ค่อยใช้จ่าย แต่รอบสองเริ่มมีช่องทางออนไลน์เข้ามา ตลาด Luxury เริ่มฟื้นกลับมา ทุกวันนี้ลูกค้าเปลี่ยนมาซื้อเดรสราคาสองสามหมื่นผ่านออนไลน์แล้ว จึงมีทอปแบรนด์เข้าไปเปิดขายในออนไลน์มากขึ้น เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการอีคอมเมิร์ซและแฟชั่นพรีเมียมของไทย หน้าร้านกลายเป็นพื้นที่เพิ่มประสบการณ์ จบการขายไม่ได้เกิดขึ้นในหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ยอดขาย 30% มาจากออนไลน์”
ในปีนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ และกิจกรรมทางการตลาด อย่างแฟชั่นโชว์ รวมไปถึงมองหาพาร์ตเนอร์ เพื่อขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน พัฒนาแบรนด์สินค้าของคนไทยทัดเทียมแบรนด์ระดับโลก
เนื่องจากที่ผ่านมา แบรนด์อาซาว่าได้รับการติดต่อจากคู่ค้าต่างชาติ ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในบางประเทศของอาเซียน แต่อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่หวัง จึงหันมารีเซตตลาดอาเซียนใหม่ให้
บุกตลาดอาเซียน คนมีกำลังซื้อสูง
ลำดับต่อไปบริษัทมองหาการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์เพื่อขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ไปยังลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีฐานลูกค้าใหญ่ เเละมีความน่าสนใจและข้อได้เปรียบกว่าตลาดประเทศอื่น เพราะมีฤดูกาลใกล้เคียงกับไทย อีกทั้งรูปร่างกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน ไม่ต้องแก้ไขไซซ์ แต่ตลาดต่างประเทศ อย่างเช่น จีนเเละอเมริกา มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาการจำหน่ายที่มีเพียง 4 เดือนในหนึ่งปี เป็นซีซันที่ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
“ในเอาต์เล็ตลูกค้าส่วนใหญ่คือกลุ่มอาเซียน ผู้มีกำลังซื้อสูง ซึ่ง Top Spender ของกลุ่มลูกค้า CLMV ของอาซาว่า คือ ชาวกัมพูชา เมียนมา ลาว ยอดใช้จ่ายต่อบิลครั้งหนึ่ง 2-3 แสนบาท ซึ่งการลุยเปิดแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ ปกติอาซาว่ามองว่า ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งสร้างการรับรู้ และสามปีจึงจะยืนขึ้นได้”
จีน ตลาดใหญ่ แต่ไปยาก
อาซาว่าบุกจีนครั้งแรกปี 2017 แสดงโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ จากนั้นดำเนินการขายในจีนผ่านช่องทางแพลตฟอร์มมัลติแบรนด์ แต่การทำตลาดในจีนไมใช่เรื่องง่าย ด้วยคู่เเข่งที่มีมหาศาล ต้องใช้เงินทุนมากพอสมควร เพียงการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ระดับ Micro หรือ Macro โปรโมตสินค้าครั้งหนึ่งอยู่ในระดับหนึ่งล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากเมื่อเทียบกับวงการไทย
ผลงานครึ่งปี 2023 โตแกร่ง ดันไตรมาสสามทะลุเป้าโต 63% ทั้งนี้ อาซาว่ากรุ๊ปตั้งเป้ายอดขายเติบโตทั้งในเชิงปริมาณและยอดขาย เกินกว่า 50% ในปีนี้และ 2024 นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับโฉมสาขาใหม่ นำร่องสาขาชิดลม พารากอน เเละร้าน Flagship Store สุขุมวิท 45 ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างออกไป
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ