น้ำเเร่พรีเมียมของคนไทย “6ty Degrees” ของบริษัท แร่เบฟเวอเรจ ธุรกิจใหม่ในเครืออุดมคุณธรรม ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาด 20% ในปีแรก ยืน Top3 ภายในสามปี

ตระกูล “อุดมคุณธรรม” โดยการนำของนักธุรกิจดังผู้ปลุกปั้นโรบินสัน “มานิต อุดมคุณธรรม” ผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจใหญ่ ทั้งรีเทล เรียลเอสเตท โฮเทล และกำลังก้าวสู่ขาใหม่ในกลุ่ม FMCG โดยมีทายาทเข้ามาช่วยสานต่อความยิ่งใหญ่

อุดมคุณธรรมเป็นเจ้าของธุรกิจทั้งอสังหาริมทรัพย์ โครงการ SWAN LAKE เขาใหญ่ เเละโรงเเรม กำลังก้าวสู่ขาธุรกิจใหม่ ลุยตลาด FMCG ด้วยเเบรนด์น้ำเเร่ไทย ที่ได้รับการการันตีคุณภาพระดับโลก

ตลาดน้ำดื่มมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 8-10% แต่มีผู้เล่นอยู่ไม่กี่ราย เเละไม่มีแบรนด์ใหม่เข้ามาเติมในตลาด  ส่งผลให้ตลาดน้ำเเร่ยังทรงตัวต่อเนื่อง

รีน่า อุดมคุณธรรม ผู้ก่อตั้งบริษัท แร่เบฟเวอเรจ จำกัด ทายาทคนโตของคุณมานิต อุดมคุณธรรม กล่าวว่า บนที่ดินของครอบครัวกว่า 300 ไร่นี้ เดิมตั้งใจพัฒนาเป็นแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็น เเต่เมื่อส่งตรวจคุณภาพน้ำกับสถาบันระดับสากล ทั้ง SGS ประเทศออสเตรเลีย, ALS ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ INTERTEK ประเทศอังกฤษ การันตีคุณภาพน้ำเเร่ที่อุดมไปด้วยเเร่ธาตุ 16 ชนิด จึงเห็นพ้องกับผู้เป็นพ่อ ตั้งใจผลิตน้ำเเร่เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสดื่มน้ำเเร่คุณภาพ

เพราะโดยธรรมชาติร่างกายมนุษย์ต้องการน้ำปริมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน แต่การดื่มน้ำธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่มีสารคลอรีนปนเปื้อน 93% ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เเต่การเข้าถึงแบรนด์น้ำแร่ที่เป็นน้ำดื่มเพื่อส่งเสริมสุขภาพนั้น กลับมีราคาสูงโดยเฉพาะแบรนด์ต่างประเทศ ด้วยราคาเเพง ผู้บริโภคไม่สามารถซื้อดื่มได้ประจำ

คุณรีน่ากล่าวว่า  6ty Degrees (ซิกตี้ ดีกรี) เป็นแบรนด์น้ำแร่ธรรมชาติ 100% ของคนไทย ที่มาจาก อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลของไทย จากน้ำพุร้อนใต้ดินที่ความลึกกว่า 200 เมตร ในระดับชั้นหินอายุมากกว่า 350 ล้านปี ที่อุณหภูมิ 60 องศา อุดมด้วยแร่ธาตุ 16 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 6 ชนิดที่ปริมาณมาก ได้แก่ ซิลิกา โพแทสเซียม อัลคาไลน์ แมกนีเซียม แคลเซียม ไบคาบอร์เนต

บ่อน้ำพุร้อนของบริษัท เฟสเเรกอยู่บนพื้นที่ 18 ไร่ จำนวนสองบ่อ โรงงานผลิตตั้งอยู่ในพื้นที่ อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในไทยนำเข้าจากยุโรป ลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท โรงงานเป็นระบบปิด ผ่านกระบวนการกลั่นกรองจนถึงการบรรจุในห้องสุญญากาศ รักษาความบริสุทธิ์ของแร่ธาตุ กระบวนการในโรงงานเป็นระบบ Fully Automation ใช้หุ่นยนต์ในการจัดเก็บเข้าแวร์เฮาส์ Capacity 1 ล้านขวดต่อวัน แต่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมเพียง 5 คน

ผู้บริโภคไม่มี Brand Loyalty กับเเบรนด์น้ำเเร่ เปลี่ยนได้ตลอด

ลูกค้าไม่มีความภักดีกับแบรนด์น้ำเเร่เท่าใดนัก สามารถเปลี่ยนไปดื่มเเบรนด์อื่นได้ตลอด แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาพสินค้า เทคโนโลยี เพิ่มประสบการณ์ให้ลูกค้า อาศัยการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เติบโตต่อไปได้เเบบยั่งยืน

บริษัททุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท เปิดตัวสินค้า เพื่อสื่อสารสร้างแบรนด์และการจดจำในตลาด เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่ ด้วยความตั้งใจที่จะให้ซิกตี้ ดีกรีเป็นน้ำเเร่พรีเมียมที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย ให้คนไทยดื่มได้ทุกวัน

แตกต่างจากสินค้าในตลาด ด้วยบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก zero waste ทั้งฝา ขวด เเละฉลาก ดีไซน์มาในรูปแบบพิเศษพรีเมียม ฝาขวด single waste รายเเรกของไทย ยึดติดเป็นชิ้นเดียวกัน สะดวกต่อการแยกขยะ

สินค้าแบ่งเป็นสองขนาด ได้แก่ 520 ml. ราคา 12 บาท และ ขนาด 1250 ml. ราคา 20 บาท วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ อีกทั้งเตรียมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ตามที่อยู่ในแผน ได้แก่ สิงคโปร์ ซาอุดีอาระเบีย จีน และ อินเดีย

ตั้งเป้าในปีแรกชิงมาร์เก็ตเเชร์ก่อน 20% และภายในสามปีขึ้นสู่ Top3 แบรนด์น้ำแร่ธรรมชาติ จากที่ปัจจุบันบรรดาเเบรนด์หลัก ประกอบด้วย เพอร์ร่า มิเนเร่ เเละมองต์เฟลอ

การลุยสนาม FMCG ในลำดับต่อไปที่นอกเหนือจากน้ำแร่ บริษัทตั้งใจต่อยอดสู่เครื่องดื่มสปาร์คกลิ้ง เเละสินค้าแบบขวดแก้วต่อในอนาคต

“การเข้ามาใน FMCG เป็นการก้าวแบบทีละขั้น ตามสไตล์การทำธุรกิจของครอบครัว ในอนาคตยังมีแผนขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ อยู่เนือง ๆ ทั้งนี้ พื้นที่ที่เหลืออยู่ตั้งวางเเผนพัฒนาเป็นโครงการ Wellness  Resident หรือโรงเเรมต่อไปในอนาคต” คุณรีน่ากล่าวสรุป

 

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online