กระแส T-Pop กลับมาอีกครั้ง
เห็นได้จาก GMM และ RS ต่างให้ความสำคัญกับธุรกิจเพลงด้วยแผนพาธุรกิจนี้ทำ IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต
และธุรกิจเพลงทั้งสองค่ายก็เติบโตอย่างน่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา
GMM Music มีรายได้จากเพลง 3,043 ล้านบาทในปี 2565 คิดเป็นรายได้ 57.2% จากรายได้รวมทั้งหมด
คาดการณ์ว่าปีนี้รายได้จากเพลงเติบโต 25%
โดยครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้จากเพลง 1,713 ล้านบาท เติบโต 54% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วน 60.3% ของรายได้รวมทั้งหมด
RS กลับมาโฟกัสธุรกิจเพลงอีกครั้ง และคาดการณ์รายได้จาก RS Music ปีนี้ 720 ล้านบาท
และคาดการณ์เติบโตเฉลี่ย 30% เพื่อสร้างรายได้ 1,200 ล้านบาทใน 3 ปีต่อจากนี้
รวมถึงค่ายเพลงน้อยใหญ่ ผลิตผลงานเพลงออกมาป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง เป็นทางเลือกในการฟังเพลงให้กับผู้บริโภค
จนในปัจจุบันอุตสาหกรรมเพลงไทยมีมูลค่ามากกว่าพันล้านบาท
ที่มาพร้อมกับการเติบโตของแฟนด้อมศิลปินต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามมา
นิธิ เตชินีนรกุล และ อริสรา รัตนโชติวิวัฒน์ ผู้จัดการการวางแผนกลยุทธ์บริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าการเติบโตของกระแส T-Pop ในวันนี้และสามารถเติบโตต่อไปได้ มีส่วนสำคัญมาจาก
Short VDO ผ่านโซเชียลต่าง ๆ ที่สร้างการรับรู้และรู้จักเพลง และเปิดให้ผู้บริโภคมา Generate Content เช่น ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา #T-Pop ใน TikTok เติบโตขึ้น 3 เท่า
การมีเวทีการแข่งขัน ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีความรู้สึกร่วมไปกับศิลปิน
การมีพื้นที่สาธารณะให้เยาวชนได้แสดงออกถึงความสนใจในดนตรี เช่น พื้นที่ตรงสยามสแควร์ เป็นต้น
การใช้เพลงในซีรีส์ที่เชื่อมแฟนซีรีส์ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
การเกิดขึ้นของค่ายเพลงใหม่ ๆ ที่ทำให้ผู้ฟังมีตัวเลือกในการฟังมากขึ้น
นักแต่งเพลงสร้าง Cultural Appeal กับผู้ฟังผ่านประสบการณ์ที่ใกล้ชิดและความรู้สึกที่เข้าใจได้ เช่น การแต่งและปล่อยเพลงที่เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงนั้น ๆ เช่น เพลงมูเตลู ที่นำอินไซด์คนอยากมีแฟนและไปมูขอความรัก
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของ K-Pop และ J-Pop ในระดับโลก ได้สร้างความสนใจที่มากขึ้นในด้านเพลงเอเชียรวมถึงส่งผลให้ T-Pop ได้โอกาสมีแสง และได้รับการยอมรับและขยายผู้ชมที่สนใจในเพลง T-Pop ในวงกว้างมากขึ้น เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจของ Marketer ในการนำกระแส T-Pop และแฟนด้อมของศิลปินเข้ามาสร้างฐานลูกค้า สร้างพลังบวกให้กับแบรนด์ ในการทำการสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ
เพราะแฟนด้อมเหล่านี้พร้อมเปย์และซัปพอร์ตศิลปินที่ชื่นชอบในด้านต่าง ๆ รวมถึงการจดจำ, พูดถึง, ซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ที่ศิลปินเป็นพรีเซนเตอร์ หรือมีส่วนร่วมกับแบรนด์เป็นอย่างดี
กลยุทธ์การใช้ T-Pop มีส่วนร่วมกับแบรนด์ในการสื่อสารถึงกลุ่มผู้บริโภค สร้างการรับรู้ การพูดถึง และนำแฟนด้อมมาเป็นฐานลูกค้าแบรนด์ สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่การเป็น
– Sponsorship ผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตและรายการเพลง
– Product Placement นำสินค้าและแบรนด์มาประกอบสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคในช่วงเวลาที่มีอารมณ์ร่วม หรือพื้นที่ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นโฆษณา
มายด์แชร์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Product Placement กับ T-Pop ที่น่าสนใจ เช่น รายการเลย์ทำ Product Placement ในรายการ The Mass Single 12 นำบิวกิ้นมาเป็นนักร้องหน้ากากมันฝรั่ง ชุดสีแดง และมีป้ายติดอยู่ที่หน้าอกเป็นโลโก้เลย์ และหน้ากากมันฝรั่งได้สร้างการพูดถึงในแง่การเดาผู้อยู่เบื้องหลังหน้ากากมันฝรั่งในโลกออนไลน์ เป็นต้น
– Music Marketing สื่อสารคาแรกเตอร์ของแบรนด์ ข้อมูลที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ สร้างการจดจำเมื่อได้ยินเพลง สร้างประสบการณ์เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น และสามารถปรับแบรนดิ้งของแบรนด์ให้ดูเด็กลง ทันสมัย
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภคค่อนข้างยาก Music Marketing กลายเป็นส่วนหนึ่งของการให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ สามารถย่อยและเข้าใจง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การทำ Music Marketing ยังสามารถนำมาปรับใช้ผ่านแนวทาง User Generated Content การสร้างคอนเทนต์ผ่านผู้บริโภคที่สามารถสร้างอิมแพ็กและกลายเป็น Top of Mind เช่น AIS ทำร่วมกับวง Pixxie ผ่านเพลง Calling You เพื่อโปรโมตซิม Zeed ที่จับกลุ่มวัยรุ่น พร้อมทำแคมเปญให้กับผู้สนใจทำคลิปวิดีโอได้เป็นที่สนใจของ Pixxie จะมีส่วนร่วมกับการถ่ายทำ MV เพลงนี้ของวง เป็นต้น
– Merchandise จากศิลปินต่าง ๆ ที่แบรนด์สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ มายด์แชร์ยกตัวอย่างการนำ Merchandise ของสตาร์บัคส์ทำแก้ว Edition Blackpink แม้จะเป็นตัวอย่างแบรนด์มีส่วนร่วมกับ K-Pop แต่เป็นแนวทางที่แบรนด์สามารถนำมาปรับใช้กับ T-Pop ได้
และนอกจากนี้ มายด์แชร์ยังแนะนำว่า Marketer ยังสามารถนำกระแส T-Pop ด้วยการใช้ตัวศิลปินเป็นพรีเซนเตอร์ และเข้าถึงฐานแฟนคลับของศิลปินผ่านแนวทางที่หลากหลายได้
อย่างเช่น โลตัส ที่เคยใช้ Kim Soo Hyun ดึงดูดให้ผู้บริโภคมาลงทุนทองกับโลตัส โดยลูกค้าที่ลงทุนทองในวอลุ่มที่สูงสุดได้รับสิทธิ์ Meet & Greet กับ Kim Soo Hyun ได้
ซึ่งในกรณีนี้ Marketer สามารถนำมาปรับใช้กับ T-Pop ได้ด้วยเช่นกัน
แต่ความท้าทายของ Marketer ในการนำ T-Pop มาใช้กับแบรนด์คือการทำอย่างไรที่จะสร้างการจดจำกับแบรนด์ เพราะศิลปินบางรายมีแบรนด์นำมาใช้ในการสื่อสารหลากหลายแบรนด์
ซึ่งถ้าผู้บริโภคเห็นศิลปินและจำแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารไม่ได้จะกลายเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
–
