อายิโนะโมะโต๊ะ ประกาศวิสัยทัศน์ชัด มุ่งสู่การ “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน” เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ส่งเสริมสุขภาพ  พร้อมขยายแนวคิดสิ่งแวดล้อมยั่งยืนสู่ผู้บริโภค

ครบรอบ 63 ปี ที่ฐานการผลิตผงชูรสแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทย ณ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้ชื่อ บริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2503 เกิดเป็นอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรุงรสอูมามิ

มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อายิโนะโมะโต๊ะเป็นที่รู้จักมาจากผงชูรส เเละที่คนไทยเรียกว่าอูมามิ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจคนไทยอย่างมาก เนื่องจากชอบรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม ซึ่งทำให้อายิโนะโมะโต๊ะสามารถต่อยอดสู่เครื่องปรุงรสชนิดใหม่คือ รสดี นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถือกำเนิดมาจากพฤติกรรมของคนไทยโดยล้วน

เเต่เป็นที่น่ากังวลในด้านสุขภาพว่า การที่คนไทยติดบริโภครสเค็ม ส่งผลให้ค่าการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยอยู่ที่ 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน มากกว่า 2 เท่าของเกณฑ์ที่ WHO แนะนำ ไว้ที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เสี่ยงป่วยโรคในระยะยาว

มร. อิชิโระ กล่าวต่อว่า ด้วยสภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจ และการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป นำมาสู่การปรับวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญ จากโจทย์การเป็นบริษัท Top10 ของโลก สู่เป้าหมายใหม่ มุ่งสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

บนการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ในระดับโลก ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน ช่วยส่งเสริมสุขภาพ

สองปีที่ผ่านมาอายิโนะโมะโต๊ะลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม (รสดี สูตรลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล (กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้, น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ โอเล ฮาฟแคลอรี ฯลฯ) เป็นต้น

เเม้ไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าสินค้าจะได้ผลตอบรับดี เพราะขณะนั้นตลาดสุขภาพยังถือว่าเล็กมาก  เเต่ยอดขายสินค้าตัวใหม่นี้กลับสามารถเติบโตได้เเบบเท่าตัว ทั้งนี้ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในปี 2573 มากกว่าสิบ SKUs ทั้งที่เป็นอาหารเเละอาหารเสริม เพื่อสนับสนุนคนไทยทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดี รับสังคมผู้สูงวัยในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตาม เครื่องปรุงรส โดยเฉพาะผงชูรส ผู้บริโภคไทยยังมีการรับรู้ที่บิดเบือนไปบ้าง เกิดการบอกต่อที่คลาดเคลื่อน แต่จริง ๆ แล้วนั้นกลูตาเมตซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง มีอยู่ในอาหารจากธรรมชาติอยู่เเล้ว ไม่เพียงว่ารับประทานผงชูรสเเล้วจะได้รับสารนี้อย่างเดียว เเละผงชูรสจะต้องให้โทษเพียงอย่างเดียว

นอกจากเครื่องปรุงรสแล้ว บริษัทยังเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ยำยำ) อาหารสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ  ซึ่งเครื่องปรุงรสสร้างรายได้ไปในสัดส่วนที่มากที่สุด 50%  และอีกครึ่งหนึ่งมาจากเครื่องดื่ม (แบรนด์เบอร์ดี้) และกลุ่มซัปพลายเออร์อย่างละเท่ากัน

ด้านสิ่งเเวดล้อม บริษัทมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่ง ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน ได้แก่
1) การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50%
2) การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80%
3) ลดขยะพลาสติก เป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก)
4) ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50%
และ 5) การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร

โดยโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต ที่ได้นำหลัก 3Rs มาใช้ในการจัดการทรัพยากรในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำตลอดการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการบำบัดและใช้หมุนเวียนภายในโรงงาน  การนำแกลบที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อต้มไอน้ำพลังชีวมวลเพื่อผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการผลิต รวมไปถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา

พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมจัดแคมเปญ Too Good To Waste ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช และใช้ผสมในอาหารสัตว์ เป็นต้น

สำหรับผลสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – พ.ศ. 2565) อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% รวมทั้งการบำบัดน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ  พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 267,000 ตัน เทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่ 30 ล้านต้น และสามารถลดการใช้พลาสติกลงได้ 307 ตัน  จากการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ หรือการยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่สอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงเรื่องต้นทุน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศขึ้นราคาสินค้าไปหลายรายการ จากการเผชิญปัญหาต้นทุนพุ่งสูง ทำให้กำไรในปีที่ผ่านมาหดตัวอย่างหนัก ปีนี้จึงต้องกลับมาลุยทำการตลาดใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยจากที่เดินทางมาจะหมดปีเเล้วนั้น เเนวโน้มยอดขายกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดี บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2566 นี้ จะสามารถเติบโตได้มากกว่า 5%


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer