ONE BANGKOK ทำความรู้จักมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ของ “สิริวัฒนภักดี”
บนเส้นทาง 10 ปีในการสานฝันให้กับครอบครัวในการสร้างอภิมหาโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงถึง 120,000 ล้านบาท สูงที่สุดของตระกูล ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ นั้น

ปณต สิริวัฒนภักดี ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวเจริญ ต้องใช้ใจ และพลังอย่างยิ่งในการพัฒนาที่ดิน ประวัติศาสตร์แปลงนี้
เริ่มจากการประมูลที่ดินชนะผู้ประกอบการรายอื่นมากกว่า 40 ราย
พอเริ่มก่อสร้างได้เพียงปีเดียวก็ต้องเจอกับวิกฤตโควิดนานถึง 2 ปีกว่า จนโควิดไปแล้ว แต่ดูเหมือนเศรษฐกิจยังไม่กลับมา
พอใกล้วันเปิดจริง ๆ ก็เกิดคำถามอีกว่าตลาดจะกลับมาเร็วแค่ไหน จะเท่าเดิมหรือเปล่า หรือชะลอการลงทุนไว้ก่อนดี แต่คุณเจริญกลับบอกว่าเราคิดและสร้างจุดต่างจากโครงการต่าง ๆ ไว้ดีแล้ว ควรเดินหน้าต่อไป
ในที่สุดเมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) ปณตและทีมงานได้จัดงานแถลงข่าวถึงความพร้อมในการเปิดโครงการ ประมาณ 70% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
โดยเฉพาะในส่วนของ ONE BANGKOK Retail ที่จะเป็นแม่เหล็ก เป็นสีสันสำคัญอย่างแรกที่จะดึงผู้คนให้เข้ามาในโครงการนี้

ไฮไลท์สำคัญของ ONE BANGKOK เมืองที่ใช้ใจสร้าง เพื่อให้เป็นเมืองกลางใจของทุกคน
ต้องบอกว่าเป็นวิสัยทัศน์ของเจ้าสัวเจริญที่วางหมากให้คุณปณตเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
และให้เข้าไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ตั้งแต่ปี 2559 โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ขยายการเติบโตทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป และมีมูลค่าเป็น 1 ล้านล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา)
“เราจึงได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญทั้งหมด พร้อมทีมงานคุณภาพระดับโลกในหลากหลายสาขามาร่วมกันรังสรรค์โครงการนี้ให้เป็น เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนที่ครบครัน บนพื้นที่กว่า 108 ไร่”
ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ วัน แบงค็อก มุ่งสู่การเป็นเมืองต้นแบบที่จะเข้าไปอยู่ในใจของคนไทยและผู้คนทั้งโลก ประกอบด้วย
1. ทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจอื่น ๆ อาทิ สาทร สีลม สามย่าน ด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบครบวงจร มีทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด พร้อมทั้งสร้างพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งกว่า 50 ไร่ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ รวมเป็นพื้นที่กว่า 700 ไร่ ซึ่งเปรียบเสมือนปอดผืนใหญ่ใจกลางกรุง
2. เป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum รวมถึง WiredScore Platinum และ SmartScore Platinum ซึ่งเป็นจุดเด่นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญอย่างมากในการเลือกเข้ามาเช่าอาคารสำนักงาน หรือเพื่อการอยู่อาศัย
3. เป็นศูนย์รวมประสบการณ์หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการที่แตกต่างของผู้คน เพราะประกอบด้วยอาคารสำนักงานแบบพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์ 5 แห่ง อาคารที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่อีกจำนวน 3 อาคาร รวมทั้งพื้นที่ต่าง ๆ แห่งการเรียนรู้ และความคิดสร้างสรรค์
“เรายังเตรียมพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50 ไร่ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ และมีสวนสาธารณะแนวยาว (Linear Park) ขนาดกว้างจากทางเท้าถึงหน้าโครงการถึง 35 – 45 เมตร”
ในโครงการยังติดตั้งระบบเซนเซอร์และจุดควบคุมอัจฉริยะมากกว่า 250,000 ตัว มีกล้องวงจรปิดกว่า 5,000 จุด ที่สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์

ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะเป็นหัวใจหลักและเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการฯ คือ One Bangkok Retail ในความรับผิดชอบของ พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายรีเทล วัน แบงค็อก
อะไรคือความแตกต่างของ One Bangkok Retail ท่ามกลางการแข่งขันของ 3 รีเทลยักษ์ใหญ่ของบ้านเราที่กล่าวในงานสัมมนาของ Marketeer Talk ตรงกันว่าทุกวันนี้การดึงลูกค้าผ่านแคมเปญ อีเวนต์ และโปรโมชั่นต่าง ๆ นั้นทำได้ไม่ง่ายเลย
พลินีอธิบายว่า One Bangkok Retail ประกอบไปด้วย 3 โซน คือ
1. Parade ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A World of Choice Without Limits” นำเสนอสีสันแห่งชีวิตอันไร้ขีดจำกัด บนพื้นที่เช่า 85,000 ตร.ม. จำนวน 9 ชั้น ด้วยการผสมผสานทุกไลฟ์สไตล์ Shop – Play – Work – Eat เปรียบเสมือน Open Playground สำหรับทุกคนในครอบครัว รวบรวมร้านค้าแบรนด์ดังครั้งแรกในไทย รวมถึงสุดยอดร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำ ตลอดจนซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก
2. THE STOREYS นำเสนอคอนเซ็ปต์ “Tell Your Own Story at THE STOREYS” แพลตฟอร์มแห่งความคิดสร้างสรรค์ จุดบรรจบของเทรนด์โลกใหม่ ๆ บนพื้นที่เช่ารวม 5 ชั้น 35,000 ตร.ม. พบร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ ผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมสมัย และคอนเซ็ปต์สโตร์สุดฮิป นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร บาร์แอนด์บิสโทร และแหล่งแฮงก์เอาต์ยามค่ำคืน
3. POST 1928 ด้วยคอนเซ็ปต์ “Go Beyond Luxury” ก้าวข้ามนิยามความเป็นลักซ์ชัวรี่ไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดล้ำเหนือระดับกว่าที่เคย บนพื้นที่เช่า 5 ชั้น 40,000 ตร.ม.

จุดเด่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจในส่วนของรีเทล
ถนนช้อปปิ้ง (Shopping Street) สายแรกของกรุงเทพฯ ที่รวบรวมร้านค้าแฟลกชิปสโตร์แบรนด์ดัง ในรูปแบบ Stand alone มาให้ช้อปอย่างจุใจตลอดสองฝั่งถนน
รวมทั้งประสบการณ์ที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะที่ วัน แบงค็อก เท่านั้น อาทิ
SARAPAD THAI สัมผัสความเป็นไทยในรูปแบบที่ทันสมัยและอินเทรนด์ ด้วยสินค้าหลากหลายที่
Bangkok Wonder at One Bangkok ไดนิ่งเดสทิเนชั่นแห่งใหม่ใจกลางเมือง
ONE Content Store ร้านหนังสือคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรก
Chang Canvas พื้นที่แห่งนี้พร้อมให้คุณเฉลิมฉลองช่วงเวลาพิเศษ และค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ
Retail Loop เพลิดเพลินไปกับแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์กว่า 900 ร้านค้า ตลอดจนเอนเตอร์เทนเมนต์หลากหลายรูปแบบ
Food Loop ครั้งแรกในประเทศไทยกับการรวบรวมร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งระดับตำนาน ตลอดจนสตรีทฟู้ด รวมกว่า 250 ร้านดังไว้ในที่เดียว ความยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร
Art loop พื้นที่ที่ให้คุณค้นหาแรงบันดาลใจและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ
“Parade และ THE STOREYS จะมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วน POST 1928 จะเปิดให้บริการในเฟสถัดไป”

นอกจากในส่วนของรีเทลที่จะสร้างสีสันและดึงผู้คนให้เข้ามาในโครงการแล้ว ใน Q4/2567 ONE BANGKOK ยังประกาศเปิดโครงการในส่วน 70% แรกอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนผู้คนที่จะเข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้ คือ ลูกค้าคนสำคัญในส่วนของรีเทลด้วย
โดยได้ตั้งเป้าจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการรวมไม่ต่ำกว่า 90 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นคนไทยและกลุ่มเอ็กซ์แพต (Expat) 60% และนักท่องเที่ยว 40%”

คาดว่าสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้จะวางแผนในเรื่องแกรนด์ โอเพนนิ่งส่วนต่าง ๆ ในส่วน 70% แรกได้แน่นอน
อภิมหาโครงการนี้ยังมีส่วนของพื้นที่ที่ยังไม่เปิดอีก 30% คือรีเทล POST 1928 พื้นที่ 40,000 ตร.ม. โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่อีก 3โรงแรม อาคารที่พักอาศัย และอาคารสำนักงานอีก 3 ทาวเวอร์
บทพิสูจน์ครั้งสำคัญของตระกูลสิริวัฒนภักดีว่าสามารถใช้ “ใจสร้าง” จนกลายเป็น “เมืองกลางใจ” ได้หรือไม่นั้น จะถูกตอกย้ำอีกครั้งด้วยภาพ “ของจริง” ที่จะปรากฏขึ้นต่อสายตาของผู้คนในเร็ว ๆ นี้
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
