แพ็คเกจจิ้ง สำคัญอย่างไร ไขกลเม็ดเรื่องกล่อง ทำไมต้องให้ใหญ่เวอร์เข้าไว้
Marketing : เพราะระบบ Logistics ความสะดวกในการใช้แพลตฟอร์ม E-commerce และช่องทางการชำระเงินที่ง่ายดายแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสบน Smartphone คู่ใจ ท่ามกลางเครือข่ายการสื่อสารที่ครอบคลุม เราจึงสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา
จนทำเอาหลาย ๆ คน ช้อปออนไลน์กันเป็นประจำ มากกว่าไปซื้อสินค้าตามร้าน ห้างค้าปลีกและห้างสรรพสินค้ากันแล้ว แต่เมื่อสินค้ามาส่งถึงหน้าบ้านหน้าห้องก็มาพร้อมข้อสงสัยที่ติดอยู่ในใจนักช้อปนักเอฟสินค้าออนไลน์มาช้านาน
นั่นคือกล่องมักจะใหญ่เกินกว่าสินค้าข้างในอย่างมากเสมอ ถึงขนาดที่สำนักข่าว BBC ของอังกฤษรายงานแบบประชดประชันว่า แม้ของที่ซื้อเป็นแค่หวีใส่ซองจดหมายได้
แต่กล่องที่แพลตฟอร์ม E-commerce หรือแบรนด์สินค้าใช้ก็ใหญ่เกินไปขนาดที่ใส่ทรอมโบนได้เลย

แผนการตลาดเบื้องหลังการเน้นใช้กล่องใหญ่เกินกว่าสินค้าด้านในอยู่เสมอคือ จิตวิทยาด้านบรรจุภัณฑ์ หรือ Packaging Psychology ที่ทำให้ผู้บริโภคตื่นเต้นกับการได้รับและเปิดกล่อง
ขณะเดียวกันยังเสริมภาพลักษณ์ของแพลตฟอร์ม E-commerce หรือแบรนด์สินค้า ผ่านโปรโมชั่นหรือของแถมต่าง ๆ ที่อาจซ่อนอยู่ในกล่อง
Packaging Psychology เป็นที่มาว่าทำไม ผู้ผลิตและแบรนด์สินค้า จึงทำกล่องที่สอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์ เช่น แบรนด์อาหารลดความอ้วนก็จะใช้กล่องทรงสูงเรียวบาง

และ Apple ใส่ใจในการคิดค้นกล่องของ iPhone อย่างมากเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ซื้อไป จนเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาทางการตลาดเรื่องบรรจุภัณฑ์
ทว่ากล่องกระดาษที่ใหญ่เกินกว่าสินค้าด้านในไปมากเหล่านี้ก็มาพร้อมปัญหา เพราะเมื่อเปิดกล่องและนำสินค้าออกมาแล้ว ก็กลายเป็นขยะ โดยข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า

ปริมาณขยะจากกล่องกระดาษทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 65% ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และในกรอบเวลาเดียวกันโลกต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไปแล้วมากถึง 1 ใน 3 ซึ่งหนึ่งในสาเหตุหลักก็คือตัดต้นไม้เพื่อนำมาผลิตกล่องกระดาษนั่นเอง
ปัญหาที่มาพร้อมกล่องกระดาษใหญ่เวอร์เหล่านี้ ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อเป็นกล่องขนาดใหญ่ ปริมาณพลาสติกที่นำมาผลิตพลาสติกกันกระแทก หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่าเม็ดเป๊าะแป๊ะนั้นจึงมากตามไปด้วย

ข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า Amazon หนึ่งในยักษ์ E-commerce ก่อขยะพลาสติกจากพลาสติกกันกระแทก เฉพาะปี 2019 ปีเดียว เป็นน้ำหนักราว 211 ล้านกิโลกรัม และถ้านำมาต่อกันจะสามารถพันรอบโลกได้ถึง 500 รอบ
ด้านองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเสนอทางแก้ไขปัญหานี้ไว้ว่า ค่าย E-commerce แบรนด์สินค้า และค่ายค้าปลีกควรใช้ แพ็คเกจจิ้ง ที่พอดีกับขนาดของสินค้า

และนำกล่องใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อลดการตัดต้นไม้ไปทำกระดาษ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ควรหาทางใช้บรรจุภัณฑ์ให้น้อยที่สุด
องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเสนอด้วยว่าการใช้กล่องที่พอดีกับขนาดสินค้ายังเป็นการลดพื้นที่จัดเก็บสินค้าและเวลาในลำเลียงสินค้าของบริษัท Logistics อีกด้วย

ในส่วนของการรีไซเคิลถือเป็นแนวทางที่ได้รับการตอบสนอง เพราะเมื่อทำแล้วก็เป็นการลดต้นทุนของค่าย E-commerce และแบรนด์สินค้าไปด้วย โดยตามรายงานของ BBC ระบุว่า กล่องกระดาษสามารถรีไซเคิลเฉลี่ยได้ 6 ครั้ง
และค่ายค้าปลีกทั่วโลกสามารถประหยัดต้นทุนไปแล้วรวม ๆ กัน 15 ล้านดอลลาร์ (ราว 556 ล้านบาท) จากการใช้กล่องกระดาษรีไซเคิล
ขณะที่การลดการใช้บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะลดหรืองดการใช้ถุงพลาสติก ค่ายค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อทั่วโลกนำไปใช้กันแล้วในหลายประเทศ

และบางค่ายก็ไปไกลกว่านั้น เช่น Lush ห้างค้าปลีกเครื่องสำอางในอังกฤษ ที่ถึงขั้นให้ลูกค้านำภาชนะมาใส่เครื่องสำอาง ครีม หรือ แชมพูที่ซื้อได้เอง
และยังมีการลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่ผลิตเองให้พอดีกับสินค้ามากสุดอีกด้วยมาหลายปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม การใช้กล่องใหญ่เกินขนาดสินค้าคงยังมีอยู่ต่อไป คงต้องพยายามหาทางลดปริมาณการใช้ และเป็นการต่อสู้กันระหว่างภาคธุรกิจกับฝ่ายปกครองของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ หรือฝ่ายปกครองระดับทวีปต่อไป

เหมือนในกรณีของกฎหมายบรรจุภัณฑ์เพื่อลดปริมาณขยะ ที่มีการห้ามไม่ให้ใช้กล่องใหญ่เกินกว่าตัวสินค้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอเป็นร่างกฎหมายขึ้นมาเมื่อปี 2022
ซึ่งภาคธุรกิจที่ประกอบไปด้วยแบรนด์สินค้า ห้างค้าปลีก และค่าย E-commerce ก็ว่าจ้างบริษัทเจรจาวิ่งเต้นและหาช่องโหว่ของกฎหมาย
จนที่สุดเมื่อมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา กล่องกระดาษใหญ่เกินกว่าสินค้ารอดพ้นจากกฎหมายลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ /bbc
–
