ในตลาดความงาม นอกจากเครื่องสำอางตกแต่งเพิ่มความงาม ผู้บริโภคยังมองหาผลิตภัณฑ์ที่บำรุงความงามจากภายใน  ทำให้ตลาดสกินแคร์โดยรวมขยายตัวได้ดี และสำหรับเวชสำอางหนึ่งในเซกเมนต์ของตลาดสกินแคร์มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 20%

จากปีที่ผ่านมาผู้บริโภคตื่นตัวกับการดูแลตัวเอง และใส่ใจกับการเลือกใช้สินค้ามากขึ้น เนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น  เพราะการ educated ของ KOLs ที่ออกมาให้ความรู้เรื่องส่วนประกอบในสกินแคร์ รวมถึงแหล่งข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่าย จึงมีความเข้าใจในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเอง แบรนด์จึงต้องยกระดับการทำการตลาดยิ่งขึ้นกว่าในอดีต

คุณธวัชชัย บุญทวีกิจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า หลังสถานการณ์โควิดการแข่งขันในตลาดเวชสำอางค่อนข้างเข้มข้น ด้วยตลาดที่เติบโตทุกปี เนื่องจากความตระหนักรู้ในเวชสำอางของผู้บริโภคมีมากขึ้น  แบรนด์ต้องแข่งขันกันให้ความรู้ลูกค้ามากกว่าแค่การขายสินค้า

พร้อมเผยข้อมูลอินไซต์ที่น่าสนใจในตลาดสกินแคร์ว่า ผู้บริโภคมองหาสินค้าที่เชื่อถือได้ ดูแลสุขภาพผิวได้แบบองค์รวม  นอกจากนั้น สื่อ และคอนเทนต์ต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย มีส่วนสำคัญที่กระตุ้นผู้บริโภคให้หันมาดูแลสุขภาพผิวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

โดยปกติกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์คือผู้หญิงวัยทำงานอายุ 20-40 ปี แต่ในปีนี้จะลุยเจาะตลาด Gen Z  มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มใหม่ที่เริ่มเข้ามาในตลาดสกินแคร์ มีการค้นหาเวชสำอางที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง

จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ส่วนใหญ่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับขั้นตอนการล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดผิว เพราะในแต่ละวันต้องเจอกับมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อผิว ทำให้เกิดผดผื่นคัน แสบแห้ง หรืออุดตัน เป็นต้น ส่งผลให้หันมาดูแลผิวพรรณอย่างลึกซึ้ง

แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเพื่อการแก้ปัญหาผิวนั้น ต้องเลือกสูตรที่เหมาะกับผิวหน้า ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

เซตาฟิล (Cetaphil) จึงได้คิดค้นนวัตกรรมแห่งการทำความสะอาดผิวหน้าสูตรล่าสุด CETAPHIL HYDRATING FOAMING CREAM CLEANSER คลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย ไม่มีส่วนผสมของสบู่ อ่อนโยน ทำความสะอาดได้หมดจดเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และผิวบอบบางแพ้ง่าย ขจัดสิ่งสกปรกฝุ่นละอองขนาดเล็ก 1.0 (ซึ่งมีอนุภาคเล็กว่า PM 2.5) ได้ถึง 97% มีส่วนผสมสำคัญจาก Soothing Aloe vera และ Skin Power Solution ช่วยบำรุงให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ช่วยรักษาความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ

ส่งเสริมการตลาดภายใต้แคมเปญ “We Do Skin…You Do You เราดูแลผิวแพ้ คุณแค่ออกไปใช้ชีวิต” เริ่มจาก Social & Brand Voices ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ผ่านกลุ่มผู้นำทางสังคมที่มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งการทำ Media Awareness ผ่านสื่อดิจิทัล สื่อ Out of Home พร้อมทั้งการทำ Pop up Store  เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์จริงกับการได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์

ช่องทางการจัดจำหน่ายแบ่งออกเป็นช่องทางอีคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์มหลัก Lazada และ Shopee และขยายไปช่องทางใหม่อย่าง TikTok และหน้าร้านซึ่งมีสัดส่วนการขายเกินครึ่ง ในร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม ได้แก่ Boots Watsons รวมถึง chain store อื่น ๆ และร้านขายยาต่าง ๆ

นอกจากคลีนเซอร์ที่เป็นพอร์ตใหญ่ของเซตาฟิล ที่มีสินค้าได้รับความนิยมและขายดีอย่าง GHC เป็นหัวหอก และ Cetaphil Gentle Skin Cleanser และในปีนี้จะยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เป็นหลัก ตามด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงผิว (Moisturizer) เป็นกลุ่มที่มียอดขายรองลงมาจากคลีนเซอร์ ทั้งครีมและโลชั่น นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสี UV (Protection) และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปัญหาผิวแห้งคัน

การเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกไปเพิ่ม เพื่อให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่ตรงกับความต้องการของตนเองมากขึ้น  เนื่องจากในตลาดมีผู้เล่นหน้าใหม่มากมาย ซึ่งก็เป็นทั้งคู่แข่งจากในออฟไลน์-ออนไลน์ ทำให้คนมีตัวเลือกเพิ่ม เซตาฟิลจึงต้องเพิ่มโอกาสในการทดลองผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อ สำหรับปี 2567 บริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้มากกว่า 20%


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer