คาดการณ์ข้าวถุงหอมมะลิ 5 โล อาจทะลุ 300 บาท เหตุจากผลผลิตมีน้อย ด้านข้าวหงษ์ทองอยู่ในระหว่างยื่นขอปรับราคา คาดปีหน้าข้าวหอมมะลิล้นตลาด เหตุชาวนาแห่ปลูกหลังเห็นราคาพุ่ง ส่วนภาพรวมตลาดโตแต่มูลค่า จำนวนไม่โตด้วยคนกินน้อยลง
วัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด (BSCM) ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวแบรนด์ “ข้าวหงษ์ทอง” กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ในปีนี้ราคาขายข้าวถุงหอมมะลิ 5 กิโลกรัม จะขึ้นไปถึง 300 บาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย
ในส่วนของราคาขายปลีกของข้าวหงษ์ทองปัจจุบันอยู่ที่ 250 บาท ปรับขึ้นจาก 220-230 บาท ส่วนราคาที่ขอปรับขึ้น ได้ยื่นราคาหน้าถุงจาก 260 บาท เป็น 290 บาท ซึ่งเป็นปรกติอยู่ที่ราคาหน้าถุงจะมากกว่าราคาขายจริง
“ในส่วนของข้าวหงษ์ทองกำลังยื่นขอกรมการค้าภายใน เพื่อขึ้นราคาขายปลีกซึ่งอั้นมาปีกว่าๆแล้ว ราคาต้นทุนเพิ่มแต่ไม่สามารถขึ้นราคาขายได้ ต้องประคับประครองและแบกรับต้นทุนไว้เอง เพื่อดึงไม่ให้ราคาขายปลีกขึ้นเร็วมากนัก และไม่ใช่รายเดียวปรับราคา แบรนด์อื่นๆก็ปรับทั้งที่เป็นข้าวหอมมะลิ หรือข้าวอื่นๆด้วย”
ราคาที่ปรับขึ้นมีเหตุผลจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เป็นตันละ 18,000 บาท ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาหลักเกิดจากผลผลิตที่ออกมาน้อย ด้วยฝนที่ตกมากกว่าปรกติ ส่งผลให้ต้นข้าวได้รับความเสียหาย ชาวนาจึงต้องเลี่ยงมาปลูกในนาปีแทน
อีกทั้งขณะนี้มีการกักตุนข้าวเปลือกเกิดขึ้น หลังจากเห็นราคาที่ปรับขึ้นตลอด จึงอยากเก็บไว้เพื่อขายในช่วงที่ราคาแพงๆ


ทั้งนี้ราคาที่เพิ่มขึ้นของข้าวหอมมะลิ ทำให้ขณะนี้เมล็ดพันธุ์ขาวเริ่มขาดแคลน เนื่องจากชาวนาเห็นราคาดีจึงอยากปลูกกันเยอะ ซึ่งอาจส่งผลให้ปีหน้าข้าวหมอมะลิอาจจะล้นตลาด โดยปรกติจะมีข้าวเปลือกหอมมะลิเข้าสู่ตลาดปีละ 7-8 ล้านตัน
อย่างไรก็ตามในภาพรวมของตลาดข้าวบรรจุถุง ในแง่ของมูลค่ามีแนวโน้มที่จะโตมากขึ้น ส่วนในแง่ของจำนวนอาจติดลบหรือทรงตัว เนื่องจากอัตราการบริโภคข้าวของคนไทยในช่วง 2-3 ปีมานี้ ลดลงจากคนละ 100 คน/กิโลกรัม/ปี เหลือเพียง 60-70 คน/กิโลกรัม/ปี ยิ่งคนในเมืองเหลือเพียง 40-50 คน/กิโลกรัม/ปี ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากของผู้ประกอบการณ์ข้าวบรรจุถุง
ส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนลดลง มาจากการที่เมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งเป็นปรกติของคนวัยนี้ที่จะบริโภคข้าวไม่ได้มาก อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่วันนี้มีอาหารทางเลือกอื่นๆ มาดึงความสนใจจากผู้บริโภคไปจากข้าวอีก เช่นขนมปังซึ่งแม้จะทำมาจากข้าวแต่ก็เป็นข้าวชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้พฤติกรรมของคนที่นิยมทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ก็ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดข้าวบรรจุถุงเช่นกัน เพราะคนมีแนวโน้มที่จะซื้อข้าวบรรจุถุงน้อย แต่ทั้งนี้การขายข้าวจะไปโตในส่วนของร้านอาหารแทน
ขณะเดียวกันถึงตลาดภายในประเทศมีแนวโน้มไม่ค่อยดีมากนัก แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับข้าวไทยในการส่งออกเ นื่องจากหากนับในตลาดโลกซื้อขายข้าวกันปีละ 40 ล้านตัน ไทยยังส่งออกได้เพียง 20% หรือราว 10 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งต้องทำราคาและคุณภาพให้ได้ก็จะสามารถส่งออกได้มากขึ้น
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

