Trend/ขณะที่คนทั่วโลกส่วนใหญ่โดยเฉพาะเหล่าคอกีฬา ร่วมลุ้นร่วมเชียร์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ในกรุงปารีสที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพอย่างสนุกสนาน
แต่เหล่านักเศรษฐศาสตร์ กูรู นักวิชาการ และนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ ต่างให้ทัศนะไปทางเดียวกันว่า การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกถือเป็นภาระทางเศรษฐกิจ การเงินการคลัง ไล่เรียงจากเมืองเจ้าภาพไปจนถึงรัฐบาลของประเทศเจ้าภาพ

ซึ่งอุทาหรณ์ที่ถูกยกมาเป็นตัวอย่างบ่อยสุดคือ งบประมาณจัดโอลิมปิก 2004 ในกรุงเอเธนส์ของกรีซ ที่นอกจากงบบานปลายไปมากถึงเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 527,000 ล้านบาท) แล้ว
ยังชักพาประเทศสู่วิกฤตเศรษฐกิจอีกด้วย กลายเป็นภาพลบที่ติดมาจนถึงปัจจุบัน ทำเอาลืมไปเลยว่า นี่คือการจัดในประเทศต้นกำเนิดโอลิมปิก

ส่วนโอลิมปิก 2024 ที่เพิ่งจบลงไป แม้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม และประหยัดไปได้พอสมควร ผ่านการนำสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาใช้ และใช้สนามกีฬาต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม

และปรับไปแข่งกีฬาหลายประเภทกลางแจ้งในเมือง จนงบในการจัดอยู่ที่ 9,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 333,000 ล้านบาท) น้อยกว่าโอลิมปิกหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา
ทว่าก็ต้องยอมรับว่างบระดับใกล้แตะ 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 351,000 ล้านบาท) ถือเป็นเงินก้อนมหึมา ดังนั้น จึงมีคำถามที่ทั้งตัวใหญ่และหนาปรากฏขึ้นมาเสมอว่า
แล้วทำไมเมืองดัง ๆ ของแต่ละประเทศจึงอยากเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก โดยหลักฐานล่าสุดคือ มีข่าวว่า ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ อินเดีย และอินโดนีเซีย

ต่างก็กำลังเดินหน้าแย่งชิงตำแหน่งเจ้าภาพโอลิมปิก 2036 ซึ่งเวียนกลับมายังเอเชีย หลังโอลิมปิก 2028 ในนครลอสแองเจลิส ของสหรัฐฯ และโอลิมปิก 2032 ในเมืองบริสเบนของออสเตรเลีย
ท่ามกลางการประเมินว่างบในการทำแคมเปญชิงเจ้าภาพโอลิมปิก 2036 ที่แต่ละประเทศต้องใช้จะอยู่ที่ราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,500 ล้านบาท) เลยทีเดียว
เหตุผลข้อแรกที่การขับเคี่ยวเพื่อเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกระหว่างเมืองดัง ๆ ทั่วโลกเคยหมดไป คือ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่จะได้กลับมา

เช่นที่ โอลิมปิกปี 2016 ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวบราซิลมากถึง 6.6 ล้านคน และทำให้ประเทศสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มากถึง 6,200 ล้านดอลลาร์ (ราว 218,000 ล้านบาท)

ส่วนโอลิมปิก 1992 ก็ทำให้นครบาร์เซโลนาของสเปนซึ่งรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ดังไปทั่วโลก และช่วยดึงดูดการท่องเที่ยว จนทำให้ปัจจุบันบาร์เซโลนาเป็นที่หมายปลายทางลำดับต้น ๆ ในยุโรปของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

มาที่เหตุผลข้อต่อมา นั่นคือ การได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของทั้งเมืองและประเทศเจ้าภาพบนเวทีโลกให้ดีขึ้น ซึ่งสามารถต่อยอดสู่ประโยชน์โพดผลตามมาอีกมากมาย

เช่น โอลิมปิก 1964 ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นกลับสู่เวทีโลกด้วยภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น หลังเสียหายอย่างย่อยยับจากการเป็นฝ่ายอักษะในสงครามโลกที่ 2 ซึ่งปูทางสู่การได้เป็นสมาชิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ในเวลาต่อมา
หรือการจัดโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่งของจีน ซึ่งต่อมาปูทางให้จีนได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)

ส่วนเหตุผลข้อสุดท้ายคือ โอลิมปิกแต่ละครั้งจะเป็นการทำให้แต่ละประเทศกลับมามีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติและมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
โดยแม้บรรดาเจ้าเหรียญทองขาประจำอย่างสหรัฐฯ และจีน จะได้ภูมิใจในความสำเร็จบ่อยกว่า แต่บรรดานักกีฬาของประเทศเจ้าภาพก็รู้ดีว่าต้องทำผลงานให้ดีสุด

ให้คนในประเทศภาคภูมิใจ หรืออย่างน้อยก็ต้องคว้าเหรียญทองในกีฬาขึ้นชื่อของประเทศ เช่น กลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรคว้าที่ 3 ในตารางเหรียญในโอลิมปิก 2012 ที่จัดในกรุงลอนดอน
และบราซิลคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายโอลิมปิก 2016 ซึ่งนคร ริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิลเป็นเจ้าภาพ/procon, cnn, wikipedia, japantoday
–
