Temu บุกตลาดไทยอาจไม่ง่ายเพราะมีทั้ง LAZADA และ Shopee ยึดครอง

ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2567 เราได้เห็นการปรากฏตัวของ Temu เวอร์ชั่นภาษาไทย ที่เริ่มย่างกรายเข้ามาร่วมรบในตลาดอีมาร์เก็ตเพลสในไทย ผ่านจุดแข็งทางการแข่งขันสินค้านอนแบรนด์ราคาถูกที่ส่งตรงจากจีน

ซึ่ง Temu เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ PDD Holdings เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Pinduoduo พัฒนาขึ้นมาเพื่อบุกตลาดนอกประเทศจีน และประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ประเทศแรกที่ Temu เปิดให้บริการ รวมถึงยุโรปและอื่น ๆ

ส่วนในประเทศไทย การเข้ามาของ Temu ในช่วงเวลาแรก อาจจะไม่หวานอย่างที่คิด แม้Temuจะมีโอกาสจากสินค้าราคาถูก และแคมเปญการตลาดที่ใช้วิธีการส่วนลดที่สูงจากราคาสินค้าที่ตั้งไว้ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่นิยมสินค้าราคาประหยัด

บนตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี

ปี 2566 มีมูลค่า 820,000 ล้านบาท

ปี 2567 มูลค่า 910,000 ล้านบาท

และนับตั้งแต่ปี 2568-2570 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8% ข้อมูลอ้างอิงจาก SCB EIC

แต่การเข้ามาของTemuเวอร์ชั่นภาษาไทย วันนี้เจอความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน ทั้งกระแสต่อต้านจากคนไทย เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการค้าในประเทศไทย

ลูกค้าที่ทดลองสั่งสินค้าจากTemuเจอหลายไอเทมไม่ตรงปก ข้อความที่ลงขายสินค้าดูกำกวมถ้าอ่านไม่ครบทุกบรรทัดอาจทำให้เข้าใจผิดในสินค้าที่ขาย และสินค้าในรูปแบบเดียวกันสินค้าหลายไอเทมในแพลตฟอร์มอื่นมีราคาที่ถูกกว่า

รวมถึงตลาดนี้ยังมีลาซาด้าและช้อปปี้ที่ต่างคร่ำหวอดในตลาดมาเป็นเวลานาน ที่นำเสนอจุดเด่นแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพรสที่รวมสินค้าแบรนด์และนอนแบรนด์ที่เสิร์ฟความต้องการสินค้าของฐานลูกค้าที่มีอยู่ในระบบจำนวนมาก บนดาต้าเบสพฤติกรรมลูกค้าที่เก็บและประมวลผลต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอแคมเปญโปรโมชั่นเข้าถึงความต้องการได้เป็นอย่างดี

และทั้งสองแพลตฟอร์มมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง 2-3 ปี หลังจากที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในไทย ที่จะสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนทางการแข่งขันให้กับทั้งสองแพลตฟอร์มได้เป็นอย่างดี

เมื่อมองมาที่ผลประกอบการของทั้งสองแพลตฟอร์มพบว่า ในส่วนของแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลส ช้อปปี้เป็นแพลตฟอร์มที่ทำรายได้สูงกว่าลาซาด้า แม้ช้อปปี้จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหลังลาซาด้าก็ตาม

 

โดยช้อปปี้จดทะเบียนในชื่อบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด มีผลประกอบการย้อนหลัง

2563     รายได้รวม 5,812.79 ล้านบาท ขาดทุน 4,170.17 ล้านบาท

2564     รายได้รวม 13,322.18 ล้านบาท ขาดทุน 4,972.56 ล้านบาท

2565     รายได้รวม 21,709.71 ล้านบาท กำไร 2,380.27 ล้านบาท

2566     รายได้รวม 29,476.73 ล้านบาท กำไร 2,165.70 ล้านบาท

 

และลาซาด้าจดทะเบียนในนาม บริษัท ลาซาด้า จำกัด มีผลประกอบการ ดังนี้

2563     รายได้รวม 10,011.76 ล้านบาท ขาดทุน 3,988.77 ล้านบาท

2564     รายได้รวม 14,675.29 ล้านบาท กำไร 226.89 ล้านบาท

2565     รายได้รวม 20,675.45 ล้านบาท กำไร 413.08 ล้านบาท

2566     รายได้รวม 21,470.93 ล้านบาท กำไร 604.55 ล้านบาท

 

โดยทั้งสองแพลตฟอร์มเน้นแข่งขันในเรื่องแคมเปญ โปรโมชั่น โค้ดส่วนลด และส่งฟรี ในเทศกาลดับเบิลเดย์ และออกแคมเปญเมก้าเซลล์ตามช่วงเวลาต่าง ๆ รวมถึงการไลฟ์ขายสินค้า เพื่อดึงผู้บริโภคเข้ามาสั่งซื้อสินค้าในแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพราะรายได้ของแพลตฟอร์มมาจากค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่า GP ค่าลงโปรโมต และอื่น ๆ ที่เรียกเก็บกับร้านค้าที่เข้ามาขายสินค้าในแพลตฟอร์ม

และข้อมูลล่าสุดจากรายงาน Digital Insights Thailand Report 2024 โดย Content Shifu x YouGov Thailand พบว่า

ผู้บริโภคไทย 75% สั่งสินค้าผ่านช้อปปี้อย่างน้อย 1 ครั้งในรอบ 30 วัน

ผู้บริโภคไทย 67% สั่งสินค้าผ่านลาซาด้าอย่างน้อย 1 ครั้งในรอบ 30 วัน

แต่ที่น่าสนใจคือ ช้อปปี้เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้มีรายได้ปานกลางชื่นชอบมากที่สุด

ส่วนลาซาด้าเป็นแพลตฟอร์มที่คนมีรายได้สูงชื่นชอบ

และช้อปปี้เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้งานมากถึง 57% และลาซาด้า 36%

ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในการลงเล่นตลาดไทยของ Temu

 

นอกจากนี้ ทั้งลาซาด้าและช้อปปี้ต่างมีการต่อยอดไปยังธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อสร้างรายได้ และควบคุมระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าที่ถูกสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มของตัวเอง

และที่สำคัญธุรกิจโลจิสติกส์มีผลประกอบการที่ไล่ตามรายได้จากแพลตฟอร์มกระชั้นชิดขึ้นในทุก ๆ ปี

 

โดยธุรกิจโลจิสติกส์ของลาซาด้า มีผลประกอบการดังนี้

2563   รายได้รวม 6,844.53 ล้านบาท ขาดทุน 1,675.97 ล้านบาท

2564   รายได้รวม 9,638.36 ล้านบาท ขาดทุน 286.10 ล้านบาท

2565   รายได้รวม 16,060.16 ล้านบาท กำไร 2,700.23 ล้านบาท

2566   รายได้รวม 16,738.83 ล้านบาท กำไร 2,909.07 ล้านบาท

 

และช้อปปี้มีผลประกอบการด้านรายได้ไม่แพ้กัน

2563   รายได้รวม 1,880.87 ล้านบาท ขาดทุน 1,883.79 ล้านบาท

2564   รายได้รวม 15,010.89 ล้านบาท กำไร 289.93 ล้านบาท

2565   รายได้รวม 16,765.15 ล้านบาท กำไร 932.73 ล้านบาท

2566   รายได้รวม 16,607.59 ล้านบาท กำไร 34.80 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี สำหรับการแข่งขันในตลาดอีมาร์เก็ตเพลสไทยถือเป็นตลาดที่ปราบเซียนอีกตลาดหนึ่งที่พร้อมจะฟาดฟันกับคู่แข่งทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่เข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินจากลูกค้าของแพลตฟอร์มตัวเองไป

และการมาของ Temu เวอร์ชั่นภาษาไทย จะรอดหรือร่วง คงต้องดูกันต่อไปยาว ๆ

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer