ในฐานะ “ธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวของรัฐ” ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินที่ทันสมัย บนช่องทางดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกิจและทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Digital Economy ภายใต้หัวใจที่สำคัญ คือ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ในงาน CEO Vision : Business Strategy 2024” ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมการขับเคลื่อนและทิศทางของกรุงไทยไว้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ

รายละเอียดเป็นอย่างไร ไปรับชมพร้อมกัน

ทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่อง
พร้อม
รับทุกการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขัน

เริ่มต้นจากการสรุปการปฏิรูปในภาคส่วนต่าง ๆ ในองค์กรของกรุงไทย ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2014 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 3 เฟสหลัก ดังนี้

  • เฟสที่ 1 (ช่วงปี 2014-2019) : DERISKING BY DRIVING RETAIL, ASSET ORIGINATION และ STREAMLINING OPERATIONS

เน้นปรับโครงสร้างให้มีความกระชับขึ้นบนรากฐานของธรรมาภิบาล ที่เห็นได้ชัดเจน คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปล่อยสินเชื่อทั้งในส่วนของรายย่อยและ SME จากเดิมที่แต่ละสาขาสามารถอนุมัติเองได้ ปรับเปลี่ยนมาเป็นการอนุมัติผ่านศูนย์กลาง เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ตลอดจนยกระดับการปล่อยสินเชื่อให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น มีการปรับเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยงและการติดตามสินเชื่อมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่ทำให้กรุงไทยขับเคลื่อนผ่านสถานการณ์โควิดได้อย่างแข็งแกร่งในระดับที่น่าพอใจ

รวมไปถึงการปรับแนวคิดและกระบวนการในองค์กรกรุงไทยหลากหลายมิติ ภายใต้หลักสำคัญคือ “การเปลี่ยนกระบวนการทำงาน โดยไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ” โดยเฉพาะในเรื่องบุคลากรที่เน้นในรูปแบบของการ “ยึดพนักงานเป็นหลัก” เน้นเรื่องจังหวะในการปฏิรูปเพื่อให้สอดคล้องทั้งในบริบทของการแข่งขันและบริบทของโครงสร้าง Aging ของพนักงาน ที่สอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดการสนับสนุนและการยอมรับ ไม่ได้ต้องการที่จะเติบโตองค์กรแล้วไปสร้างภาระให้สังคม โดยมีพันธกิจให้พนักงานเร่งพัฒนาศักยภาพและออกจากเซฟโซนเดิม ๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

  • เฟส 2 (ช่วงปี 2019-2022) : DIGITAL TRANSFORMATION “OPEN FINANCE”

ปิดช่องว่างระหว่างคู่เทียบข้ามผ่านจาก Internet Banking ที่มีผู้ใช้แค่ 3 ล้านคน สู่ Digital Banking ด้วยการเปิดบริการแอปพลิเคชัน Krungthai Next” ที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านคน ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี

ซึ่งย้อนไปตอนนั้น กรุงไทยได้ดำเนินขั้นตอนตามแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คู่ขนานระหว่างการดำเนินธุรกิจ 2 รูปแบบไปพร้อม ๆ กัน โดยแบ่งออกเป็น เรือบรรทุกเครื่องบิน (Carrier) แนวทางการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม และ “แบบเรือเร็ว” (Speed Boat) ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่เป็นลักษณะการทำงานแบบ Agile เพื่อให้การปฏิรูปองค์กรภายใต้ Perfect Storm เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุภารกิจที่ตั้งไว้

จากนั้นต่อยอดในเรื่อง Open Finance และคิดนอกกรอบเพื่อเปิดขยายฐานสู่นิว Gen จนเกิดมาเป็นแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นระบบเปิดที่ไม่ได้จำกัดแค่ลูกค้ากรุงไทย ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุก Gen ในทุก ๆ ความต้องการทั้ง Government, Payment, Healthcare, University และ Mass Transit

  • เฟส 3 (ช่วงปี 2022-ปัจจุบัน) : GROWING NEW BUSINESSES

ภายใต้กรอบแนวคิดที่ว่า เมื่อโลกถูกวิวัฒนาการโดยนวัตกรรม Banking จะกลายเป็นพฤติกรรมสำคัญที่ฝังอยู่ในปัจจัยสี่ของมนุษย์ สามารถทำทุกอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอดเวลา กรุงไทยได้ต่อยอดพัฒนาการสร้างความสามารถด้านดิจิทัลเปิด Homemade Innovation เน้นหน่วยงานขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในองค์กรกรุงไทย ครอบคลุม 4 แกนหลัก ได้แก่ Data Innovation, IT Innovation, Business Innovation และ Internal digitization ซึ่ง ณ เวลานั้นเชื่อว่านี่คือแกนหลักในการขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มองค์กร จนได้แตกแขนงออกมาเป็น Infinitas by Krungthai”

เพื่อการขับเคลื่อนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กรุงไทยได้จับมือกับพาร์ตเนอร์สำคัญที่เป็นองค์กรระดับโลกอย่าง Accenture” และ IBM” เพื่อขยายสู่ Global Innovation และ Global Technology ด้วยการเปิด Arise by Infinitas” โดยมีพันธกิจหลักเพื่อพัฒนาบุคลากรเป็น Talent Development สร้างอัจฉริยะสายพันธุ์ดิจิทัล หรือ “Digital Talents” รองรับแผนขยายธุรกิจของ Infinitas by Krungthai และพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศ

ซึ่งในเฟสนี้เองเพื่อให้การเติบโตใน New Business รวดเร็วยิ่งขึ้นไป และทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลา กรุงไทยได้เปิด Krungthai Venture” เพื่อดึงดูดพันธมิตรเข้ามาร่วมใน Ecosystem ช่วยขับเคลื่อนให้ถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น เสมือนเป็น Fast Track พิเศษ

ทั้งหมดกลายเป็นภาพใหญ่ที่ฉายให้เห็นในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงการมองภาพการเติบโตในอนาคต และวางรากฐานองค์กรให้พร้อมขับเคลื่อนอย่างแข็งแกร่งในทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อยอด 7 ยุทธศาสตร์หลักตามโรดแมป

ทั้งนี้ คุณผยงได้กล่าวว่า กรุงไทยยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนงาน 5 ปี (ระหว่างปี 2566-2570) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิด “มุ่งสร้างคุณค่า สู่ความยั่งยืน” ให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม ทั่วถึง แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โดยมี 7 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้

  1. ปลดล็อกศักยภาพในการสร้างมูลค่าจากการทำธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้า (X2G2X) เร่งต่อยอดยุทธศาสตร์ X2G2X ให้เกิดการเชื่อมโยงในเชิงลึกในกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ทั้ง B2B B2C G2B และ G2C และมีแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คู่ค้าของลูกค้า ทั้งการเร่งสร้าง Economic Value จากแอปฯ เป๋าตัง และถุงเงิน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ให้แข็งแกร่ง ต่อยอดความร่วมมือที่ได้ลงทุนไปแล้วทั้งระบบ Smart Transit ตั๋วร่วม Smart Hospital และ Digital Business Platform เป็นต้น
  2. ขับเคลื่อนประสิทธิภาพองค์กรด้วยดิจิทัลและข้อมูล เร่งนำข้อมูลและเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็น Process Digitalization โดยนำระบบ RPA หรือ Robotic Process Automation และการใช้ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานภายในของธนาคารมากขึ้น ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้กระดาษ (Paperless) นำไปสู่โครงสร้างการประเมินอัตรากำลังที่เหมาะสมในการให้บริการผ่านสาขา ผสมผสานการให้บริการออนไลน์สู่ออฟไลน์ได้เต็มศักยภาพ โดยช่องทางสาขาจะถูกปรับเป็นการให้บริการทางธุรกิจ และอยู่ระหว่างการทดสอบในพื้นที่ EEC
  3. เปิดตัวแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างการเติบโตในมิติใหม่ พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ทั้ง Virtual Banking ที่ธนาคารจะร่วมกับพันธมิตร เพื่อดำเนินการ และ Wealth-Tech เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินในทุกระดับชั้น ต่อยอดสร้างศักยภาพการออม เสริมสร้างความมั่งคั่งให้คนไทย
  4. สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม เท่าเทียม และยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG สนับสนุนประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม โปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างการกระจายรายได้ เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้า SME กับ Digital Economy และเร่งปรับตัวเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
  5. พัฒนาและเสริมสร้างขีดความสามารถการทำงานแห่งอนาคต เร่งสร้างการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความพร้อมของระบบรองรับ PDPA & Cyber Risk เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม บริหารจัดการ NPL และ NPA เพื่อแก้ปัญหาปรับเป็นสินทรัพย์ที่สร้างคุณค่าในเวลารวดเร็วขึ้น พร้อมบูรณาการบริษัทในเครือ สร้างประโยชน์จากสินทรัพย์ให้เต็มศักยภาพ บนความร่วมมือแบบ ONE Krungthai
  6. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีหลักขององค์กร ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT และ Digitalization อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย มั่นคง ปลอดภัย มีเสถียรภาพ มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
  7. ปฏิรูปวัฒนธรรมและปลูกฝังวิธีการทำงานแบบใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยความคล่องตัว ปรับวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ให้เป็นไปในลักษณะ Agility มีความกระฉับกระเฉง โดยอาศัยหลักการแบบ Fail Fast Learn Fast ยกระดับพนักงานให้มีทักษะใหม่ ๆ (Upskill/Reskill) สามารถดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถในระดับประเทศและระดับโลกเข้ามาทำงานเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เป็นองค์กรแห่งการสร้างผู้นำในอนาคต

เดินหน้าจัดตั้ง Virtual Bank ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการเงินให้สังคมไทย

จากข้อมูลของกรุงไทยพบว่า จำนวน SME ในไทยก็มีเพียง 26% ที่จดทะเบียนธุรกิจ และมีเพียง 17% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เช่นเดียวกับครัวเรือนไทยที่มีอัตราการเข้าถึงสินเชื่อที่ต่ำมาก ๆ ซึ่งนี่คือหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความเหลื่อมล้ำทางด้านการเงินให้สังคมไทย

ดังนั้น การให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินแบบถูกกฎหมายและปลอดภัย เพื่อลดความเลื่อมล้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่กรุงไทยได้ร่วมกับ 2 พันธมิตร ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) เตรียมดำเนินการยื่นขอจัดตั้ง “ธนาคารไร้สาขา” (Virtual Bank) ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงวันที่ 5-12 ก.ย. 2567 (หมดเขตยื่นข้อมูลของ ธปท. ในวันที่ 19 ก.ย.)

โจทย์หลักของ Virtual Bank นั้นคือ ช่วยแก้ปัญหาการเข้าไม่ถึงสินเชื่อให้กลุ่มคนที่อยู่นอกระบบสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้แบบถูกกฎหมายและได้รับเงินทุนที่เหมาะสม โดยมีพันธมิตรของธนาคารเข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งในภาพใหญ่ยังสามารถช่วยการแก้เศรษฐกิจนอกระบบและเติมเต็มช่องว่างในระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดี สถาบันการเงินก็ต้องมีวิธีติดตามหนี้ให้ได้ในสถานการณ์ที่หนี้ครัวเรือนเริ่มสูงเช่นในปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลแบบดั้งเดิมในการวิเคราะห์สินเชื่ออาจจะไม่พอ ดังนั้น Virtual Bank จึงต้องเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ไปจนถึงการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ได้อย่างมีคุณภาพและเป็นรูปธรรม

ซึ่ง CEO กรุงไทยเชื่อว่า Virtual Bank จะเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาและลดช่องว่างทางสังคมในไทยได้อย่างแน่นอน

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer