บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสใหม่ และรีโนเวตโครงการในทำเล 4 ย่านสำคัญ ตามแผนการลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี (2567-2571) พร้อมงบลงทุน 121,000 ล้านบาทที่ประกาศไปเมื่อต้นปี สำหรับพัฒนาโครงการใหม่และยกระดับโครงการเดิม และในปี 2567 จะมีโปรเจกต์เมกะมิกซ์ยูสเพิ่มขึ้นจาก 20 โครงการ เป็น 25 โครงการ จากการขยายเพิ่มในจังหวัดต่าง ๆ
คุณชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า โครงการ Retail-Led Mixed-Use ทั้งหมด 5 โครงการสำคัญ มีมูลค่าโครงการกว่า 15,000 ล้านบาท รวมทั้งศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย โรงแรม และ Convention Hall
นำโดย โครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล กระบี่” เตรียมเปิดไตรมาสสาม ปี 2568 มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท (ไม่รวมโรงแรม) บนพื้นที่ 114 ไร่ แบ่งออกเป็น พื้นที่ศูนย์การค้า 47,500 ตารางเมตร พร้อมแผนพัฒนาโครงการบ้านระดับพรีเมียม, คอนโดมิเนียม และโรงแรม ในอนาคต
จังหวัดกระบี่โดดเด่นด้วยการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีรายได้การท่องเที่ยวเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศ และลำดับที่ 3 ของภาคใต้ ในปี 2566 ทำรายได้ 52,500 ล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาแล้วกว่า 4 ล้านคน อีกทั้งมีแผนขยายสนามบินนานาชาติที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว 8 ล้านคนต่อปี
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer กล่าวเสริมว่า แต่ที่ผ่านมากระบี่มีห้างสรรพสินค้าที่เป็นเพียงไฮเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น ก่อนหน้าผู้คนในพื้นที่ต้องอาศัยเดินทางไปช้อปปิ้งที่ภูเก็ตแทน แต่กระบี่เป็นจังหวัดที่มีไลฟ์สไตล์กำลังซื้อสูงใกล้เคียงกับภูเก็ตและสมุย มี GPP per capita ที่ 190,573 บาทต่อปี คิดเป็นอันดับที่ 4 ของภาคใต้ และการใช้จ่ายต่อครัวเรือนที่สูงติด Top 5 ของประเทศ High-Quality Catchment Area ประมาณ 480,000 คน จากในเมืองกระบี่
กลุ่มผู้อยู่อาศัยมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา เป็นสังคม ‘Biocultural Harmony’ จึงมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายรูปแบบ โครงการจึงต้องนำเสนอทั้ง Premium Lifestyle Brands, Food Destination ที่ประกอบด้วยอาหารไทย, นานาชาติ และฮาลาล ดึง Retail Magnet กลุ่มเซ็นทรัล ทั้ง Tops, Supersports, Powerbuy, B2S และ Auto1
คอนเซ็ปต์โครงการจึงเน้นการออกแบบ Fully-Integration with Nature แบบ Semi-outdoor สะท้อนธรรมชาติของหมู่เกาะ และภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์ของกระบี่ นำเอารูปฟอร์มของหมู่เกาะมาออกแบบเป็น Floating Jewel of Krabi พร้อมจุดชมวิวภูเขาแบบพาโนรามิก
ทำไม “กระบี่” จึงน่าสนใจในสายตาเซ็นทรัล
| “เซ็นทรัล กระบี่” ในโครงการมิกซ์ยูส งบลงทุน 4,500 ล้านบาท (ไม่รวมโรงแรม)
คาดว่าจะแล้วเสร็จใน Q3 ปี 2568 |
||
| คอนเซ็ปต์ New Haven of Life (Destination | Nature Lifestyle) ชูธรรมชาติของหมู่เกาะ บนพื้นที่ 114 ไร่ | ||
| กระบี่มีรายได้จากการท่องเที่ยว ปี 2566 = 52,500 ล้านบาท | รายได้คิดเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศ และลำดับที่ 3 ของภาคใต้ | |
| จำนวนนักท่องเที่ยว 4 ล้านคน/ปี | มีแผนขยายสนามบินนานาชาติ ที่จะรองรับนักเดินทาง 8 ล้านคน/ปี
|
|
| GPP per capita ที่ 190,573 บาทต่อปี คิดเป็นอันดับที่ 4 ของภาคใต้ | กระบี่มีการใช้จ่ายต่อครัวเรือนสูงติด Top 5 ของประเทศ | High-Quality Catchment Area ประมาณ 480,000 คน |
| Top 5 ประเทศที่เดินทางไปเที่ยวกระบี่มากที่สุด
สวีเดน มาเลเซีย โปแลนด์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี |
||
ที่มา: CPN
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน Affluent Demographic มีความเปลี่ยนแปลง ย่านต่าง ๆ ขยายเติบโตขึ้น ประชากรมี Sophisticated Lifestyle และกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น จึงมีการพลิกโฉมการพัฒนาโครงการแบบ Total Transformation & New Masterplanning ยกระดับทั้ง Brand Mix, Central Group ปรับโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมด, ออกแบบ Customer Journey & Experience ใหม่ และ Total Redesign ใหม่ทั้งหมด ใน 4 มิกซ์ยูสสำคัญ มูลค่าโครงการมากกว่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่
เซ็นทรัล บางนา
นับเป็นย่านที่ประชากรกำลังซื้อสูง สะท้อนจาก AI Data-Driven Insights ของ The1 ที่สาขาติด Top 10 Best Performance ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล โดยมีจำนวนการมาใช้บริการของสมาชิก The 1 ในระดับสูง และมี Affluents Members มากกว่าพื้นที่อื่นถึง 1.5 เท่า พร้อมทั้งยอด spending ติดอันดับทอปเช่นเดียวกับเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
แวดล้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัย Luxury Residence กว่า 5,000 ยูนิต ทำให้ย่านนี้มี ‘High Quality Catchment Area’ ประชากรรายได้สูงกว่า Bangkok CBD บางย่าน จึงเหมาะแก่การทรานส์ฟอร์มสู่ New masterplanning ขยายเป็นโครงการมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 55 ไร่
โดยเฟสแรกจะโฟกัสในส่วนศูนย์การค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ Urban Luxe & Lush Lifestyle เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Upper Class ด้วยการเติม Accessible Luxury Brands และ Upper Lifestyle Brands เข้ามามากขึ้นบนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ปรับพื้นที่ส่วน Tops Food Hall, Food Play Yard, Fashion Galleria กว่า 100 Modern Luxury Brands และรองรับ 20 Accessible Luxury Fashion Houses, Holistic Wellness บนพื้นที่ 3,800 ตารางเมตร รวมถึงพื้นที่ Happening Event, Pop-Up Market, Art Exhibition สามารถเผยโฉมใหม่ได้ใน Q1 ปี 2569
เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
ปัจจุบันใน Catchment Area มีประชากรหนาแน่นถึง 3,000,000 คน ราคาที่ดินพุ่งสูง เป็นทำเลใกล้โครงข่าย Skytrain Major Interchange ที่เชื่อมต่อไปย่านสำคัญอย่างสีลม, สาทร และเยาวราช แทรฟฟิกผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าต่อวันจึงค่อนข้างสูงกว่าแห่งอื่นมาก อยู่ที่ราว 7 หมื่นคนต่อวัน
เน้นเจาะกลุ่มฐานลูกค้าที่เปลี่ยนผ่านสู่ Generation 2 กลุ่มครอบครัว นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลใกล้เคียงได้ง่าย การพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่จึงเน้นไปที่การเติมร้านอาหารกว่า 200 แบรนด์เข้ามา ตอบสนองความต้องการตั้งแต่ระดับ Premium, Casual Lifestyle, Grab & Go, Street Food, Family Food Destination ขณะที่ด้านแฟชั่นจะมาในรูปแบบ Affordable Luxury Brands พร้อมด้วยโรงภาพยนตร์คอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน Q2 ปี 2568
เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
เป็นย่านที่เติบโตและเปลี่ยนผ่านจากย่านชานเมืองสู่ New CBD จำนวนประชากรเติบโตเทียบเท่าย่านพระราม 9 และเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงกว่าย่านอื่น ๆ ในนนทบุรี โดยเป็นครอบครัวกำลังซื้อสูง และหมู่บ้านชาวต่างชาติ Expat ที่มีจำนวนมาก
และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นกว่า 300% แวดล้อมด้วยออฟฟิศของภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จะมีจำนวน Office Workers เพิ่มขึ้น 300,000 คนรวมถึงมี New Connectivity ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู
จากกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ในวัน Weekday จะมีกลุ่มพนักงานออฟฟิศจากบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐ กลุ่มนักเรียน นักศึกษาถือเป็น High Frequency Shoppers และในช่วง Weekend จะเป็น Quality Shoppers ทั้งกลุ่มครอบครัวและ Expat ซึ่งเป็น The 1 Exclusive หรือกลุ่ม Wealth กว่า 10,000 คน และมียอด Spending มากกว่าที่อื่นถึง 25 เท่า
การปรับโฉมจะเน้น Variety of Fashion Brands ตั้งแต่ International Brands to Street & Sport Fashion รวมถึง New Anchor ต่างชาติที่มีแบรนด์ครบทุกไลฟ์สไตล์ ใช้ HarbourLand, JOYLIDAY 3,000 ตารางเมตร เป็นแม่เหล็กดึงกลุ่มแฟมิลี่ ด้านร้านอาหารดึง Food Patio เปิดใหม่ ตลอดจน MOMO Paradise และ AKA เป็นต้น
มาพร้อมคอนเซ็ปต์ The Life Extraordinaire (Affluent | Vibrant | Art) เปิด Common Space ร่วมมือกับศิลปินและสตูดิโอชื่อดัง ล้วนแล้วแต่เพื่อดึงแทรฟฟิกให้ดีขึ้น จากเดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 40,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 50,000-60,000 คนต่อวัน เนื่องจากเส้นถนนบนทำเลนั้นมีการจราจรคับคั่งมากกว่า 1 แสนคันต่อวัน จึงยังมีศักยภาพให้ดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้นกว่านี้ พบโฉมใหม่ได้ภายใน Q2 ปี 2568
และ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต
เมืองเชียงใหม่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วย Mega Projects ของภาครัฐ และแผนเตรียมรับนโยบายเมืองแห่ง Creative Economy Hub ปี 2571 ทำให้เชียงใหม่มี Emerging Demand เพิ่มขึ้นจาก Catchment Area ที่ขยายครอบคลุมประชากรกว่า 2,000,000 คน ในจังหวัดเชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง โครงการที่อยู่อาศัยก็โตขึ้นกว่า 34%, Luxury Hotels เพิ่มมากขึ้น และมี Tourist Influx โตแบบ 300% จากปี 2562
การพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่จะนำเสนอ Local Essence in Modern Twist เริ่มที่ New Masterplanning กว่า 100 ไร่ ทั้งศูนย์การค้า, Convention Hall, Tourist Hub และ Multi-Generation Space รวมถึง Go Wholesale แห่งแรกในภาคเหนือ (เปิดให้บริการไปแล้ว)
เติมแบรนด์ใหม่เข้ามามากกว่า 50% อาทิ Uniqlo, Nike, Adidas, Puma และ MUJI Flagship Store แห่งแรกของภาคเหนือและใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมทั้งขยาย Tourist & Family Destinations บนพื้นที่ 17,000 ตารางเมตร ขยายพื้นที่ ‘กาดหลวง แอร์พอร์ต’ 9,000 ตารางเมตร ซึ่งประสบความสำเร็จมากในปัจจุบัน และ Local Food Market ที่ใหญ่ที่สุด คาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมกันใน Q1 ปี 2569
คุณชาตรี โกวิทานุพงศ์ Executive Project Director Regional Development กล่าวว่า การขยายตัวของเมืองที่รวดเร็วขึ้น ความต้องการของลูกค้า ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Life Cycle ของการรีโนเวตศูนย์การค้าย่นระยะเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น จากเดิมอาจใช้เวลา 5-7 ปี ต่อการปรับโฉมครั้งหนึ่ง ปัจจุบันอาจต้องลดเหลือเพียง 3-5 ปี เท่านั้น
เซ็นทรัลพัฒนาจึงต้องเดินหน้าทรานส์ฟอร์มในย่านสำคัญต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญของประเทศ ตอบรับ Future Consumers โดยเฉพาะกลุ่ม Upper Class กำลังซื้อสูง และ Sophisticated Lifestyle ของลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ศูนย์การค้าตามทันเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ
ทั้งนี้ ในปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนาก้าวสู่อันดับ 1 องค์กรยั่งยืนระดับโลก โดยได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Top 1% S&P Global Score) จากจำนวนทั้งหมด 299 บริษัททั่วโลก อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 2024 Fortune Southeast Asia 500 โดยขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในกลุ่มบริษัท Real Estate ไทยทั้งหมดที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย
–







