ทำไมเราถึงชอบแพ้ทางสิ่งจิ๋ว ๆ ที่ขนาดเล็กกว่าปกติ มันช่างดีต่อใจและทำให้เราโดนตกครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุใดวัตถุขนาดเล็ก ทั้งจากธรรมชาติและของสังเคราะห์ขึ้นมา จึงสามารถทำให้เรารู้สึกมีความสุขและสบายใจได้
“จิตวิทยาของความน่ารัก” The Origins of Cuteness Psychology
ตามทฤษฎี “รูปแบบทารก” (Konrad Lorenz:1943) อธิบายไว้ว่า เมื่อมนุษย์ยังเป็นเพียงทารกแรกเกิด คนจะประคบประหงมเหมือนสิ่งเปราะบาง ความน่ารักดูน่าทะนุถนอมนี่แหละ ที่เป็นกุญแจช่วยให้สิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ไม่ถูกปล่อยทิ้ง อยู่รอดและสืบสานเผ่าพันธุ์ต่อไป
แรงกระตุ้นที่ชื่นชอบความน่ารักของทารกนั้นยังพลอยทำให้เราตกหลุมรักทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูน่ารักตามไปด้วย แม้จะคนละสปีชีส์ก็ตาม เช่น ลูกแมว ลูกสุนัข หนอนผีเสื้อขนฟู
นั่นเป็นเพราะโดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่นิยามคำว่า “น่ารัก” ไว้ที่ สิ่งที่มีขนาดตัวกลมดิ๊ก ดวงตากลมโตแป๋ว ๆ แก้มป่อง ๆ ลักษณะกายภาพที่อ่อนนุ่ม ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ล้วนตรงกับโครงสร้างทางกายภาพของเด็กเล็ก
เมื่อเรามองสิ่งที่มีลักษณะเช่นนั้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินหรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความรัก” ที่ส่งผลต่ออารมณ์ เมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้จะทำให้เราตกหลุมรักสิ่งที่กำลังดึงดูดเรา เมื่อใดก็ตามที่เราเห็นสิ่งขนาดกะทัดรัด สมองของเราจะหลั่งโดพามีนออกมาและทำให้เรารู้สึกมีความสุข
คนจึงมักมองหาอาหารตา เป็นพวกวัตถุที่ให้ความรู้สึกเหมือนทารก แล้วรู้สึกผูกพัน อยากจับ อยากเล่น อยากปกป้อง
เพราะสิ่งเล็กกระจ้อยร่อยนี้ จะทำให้เรารู้สึกนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเป็นเด็ก
ความรู้สึกดีต่อสิ่งเล็ก ๆ เกิดมาจากความทรงจำ เราจึงมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่แตกต่างกันไปเมื่อเจอกับสิ่งของ ขึ้นอยู่กับความทรงจำของเรา ตัวอย่างเช่น เมื่อตอนยังเด็กเคยได้รับนาฬิกามิกกี้เมาส์จากพ่อแม่เป็นของขวัญ เมื่อไหร่ที่เราเห็นรูปมิกกี้เมาส์ก็จะรู้สึกดีตามไปด้วย
หรือจะเป็นของเล่นในวัยเด็ก เช่น ตุ๊กตาตัวโปรดที่กอดจนกลายเป็นน้องเน่า ผ้าห่มที่เรามักจะติดตัวไม่ห่าง หรือรถบังคับสุดหวง ทางจิตวิทยาจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ‘วัตถุเปลี่ยนผ่าน’ เพราะอยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังเรียนรู้โลก ก่อนจะเติบโตขึ้นไป
อธิบายง่าย ๆ คือ เมื่อเราโตขึ้นจะไม่สนใจอยากเล่นของเล่นแล้ว เพราะความต้องการความมั่นคงจากภายนอกลดลง แล้วไปแสวงหาความต้องการภายในจิตใจแทน เช่น การค้นหาตัวตน ความสำเร็จ ความหวัง ความฝัน
แต่เมื่อต้องเผชิญกับความเครียด เรากลับหวนนึกถึงสิ่งของที่เคยให้ความสบายใจแก่เราในวัยเด็ก ไม่จำเป็นต้องเหมือนตุ๊กตาเน่าตัวโปรดเป๊ะ ๆ ก็ได้ เพียงแต่มีขนาดใกล้เคียงกัน จิตใต้สำนึกของเราก็พร้อมจะทำหน้าที่เชื่อมโยงวัตถุนั้น เข้ากับความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็กเอง
อีกประการหนึ่ง คือ วัตถุขนาดเล็กจะดึงดูดความสนใจ เพราะจิตใต้สำนึกรู้สึกว่าวัตถุนั้นมีขนาดแปลกตา ดังเช่นการที่เราเอ็นดู “หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระเพศเมียที่ตัวเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับแม่ของมัน ด้วยรูปร่างที่ต่างไป เพราะปกติเมื่อพูดถึงฮิปโปเราจะนึกถึงสัตว์ตัวใหญ่ดุร้าย แต่พอเจอหมูเด้งตัวเล็ก ขี้เล่น ดื้อซน ต่างจากฮิปโปในภาพจำจึงตกหลุมรักทันที
จากฮิปโปที่เรากลัว แต่เมื่อเห็นลูกฮิปโปตัวเล็ก ดูไม่มีพิษมีภัย เราเลยรู้สึกเอ็นดู เพราะมนุษย์ชอบความรู้สึกที่ตัวเองเหนือกว่า หรือรู้สึกว่าสามารถควบคุมสิ่งนั้นได้ (คิดไปเอง) ซึ่งหากหมูเด้งโตขึ้นตัวใหญ่ขึ้น ความเอ็นดูของเหล่าผู้ชมก็อาจจะค่อย ๆ มลายหายไป เพราะคนจะไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้แล้ว
ที่มา: Angier, Borrell , Guo และคณะ, Realsimple
–


