Trend/ราคาของเครื่องดื่มคืนความกระปรี้กระเปร่าของคนทั่วโลกมีแนวโน้มจะแพงขึ้น ๆ โดยนอกจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ ยังเกิดจากตัวละครลับมีหนามในเวียดนามอีกด้วย

สำนักข่าว BBC รายงานบทวิเคราะห์อิงจากที่ปรึกษาในวงการกาแฟเวียดนามว่า สถานการณ์ในตลาดกาแฟโลก ณ ปัจจุบันกำลังแปรปรวนอย่างหนัก

เริ่มจากมวลอากาศเย็นที่เข้ามาผิดฤดูกาลในบราซิล แหล่งเพาะปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าใหญ่สุดในโลก ทำให้ปริมาณการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวพันธุ์ดังกล่าว ที่ใช้สำหรับกาแฟที่ชงกันตามร้าน ลดลงมาตั้งแต่ปี 2021

นี่ส่งผลสืบเนื่องให้บรรดาบริษัทที่จัดหาเมล็ดกาแฟ ต้องหันไปหาเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ที่ใช้สำหรับผลิตกาแฟสำเร็จรูป ซึ่งปลูกกันมากในเวียดนามแทน แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้

เพราะปริมาณการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวในเวียดนามก็ประสบปัญหาจากความแปรปรวนของสภาพอากาศเช่นกัน ซ้ำร้ายเกษตรกรยังพากันเปลี่ยนจากปลูกกาแฟไปปลูกทุเรียนแทนอีก

เพราะราคาดี ไม่เผชิญปัญหาสภาพอากาศมากเหมือนกาแฟ และที่สำคัญจีนยังมีความต้องการทุเรียนสูง ส่งผลให้พื้นที่การปลูกทุเรียนในเวียดนามเพิ่มขึ้น ๆ สวนทางกับไร่กาแฟที่ลดลง ๆ

ท่ามกลางการรายงานว่า การปลูกทุเรียนในเวียดนามทำเงินได้มากกว่าปลูกกาแฟถึง 5 เท่า และระหว่างปี 2023-2024 ทุเรียนจากเวียดนามกินส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนเพิ่มเป็น 2 เท่า

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้อีกว่า สภาพการณ์นี้จะดำเนินต่อไป เพราะเกษตรกรเวียดนามมักแห่ไปปลูกผัก-ผลไม้ที่ขายได้ราคาดี จนล้นตลาด และเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ

สถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้ปริมาณการส่งออกกาแฟพันธุ์โรบัสต้าของเวียดนามลดลงไปถึง 50% ขณะที่แหล่งเพาะกาแฟในประเทศอื่น ๆ อย่าง โคลอมเบีย เอธิโอเปีย เปรู และอูกันดา ก็ยังไม่สามารถปลูกกาแฟมาทดแทนสัดส่วนจากเวียดนามที่หายไปได้ทัน ส่งผลให้ราคาเมล็ดกาแฟทั้งสองพันธุ์ในตลาดโภคภัณฑ์อยู่ระดับที่ใกล้จะแพงสุดเป็นประวัติการณ์

ดังนั้น หากเมล็ดกาแฟที่บรรดาบริษัทผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปมีอยู่เดิม หรือทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหมดลง กาแฟก็ย่อมหายากและแพงขึ้น จนในอีกไม่ช้าจากนี้ผู้บริโภคทั่วไปคงต้องจ่ายแพงขึ้น 

รายงานชิ้นนี้ของ BBC ซึ่งมีขึ้นท่ามกลางปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มแพงจากภาวะโลกร้อน (Heatflation) ทิ้งท้ายว่า หากฝนในบราซิลไม่กลับมาตกตามฤดูกาล

และเกษตรกรในเวียดนามยังคงหันไปปลูกทุเรียนมากกว่ากาแฟอยู่เช่นนี้ ราคากาแฟก็มีแต่จะยิ่งแพงขึ้น ๆ  

ดังนั้น การบรรเทาภาวะโลกร้อน หันมาใส่ใจโลก และช่วยเหลือเกษตรกรพัฒนาพันธุ์พืช คือทางออก โดยถ้าทุกภาคส่วนไม่ร่วมมือกัน เมื่อถึงปี 2050 พื้นที่เหมาะซึ่งสามารถปลูกกาแฟได้ทั่วโลกอาจลดลงไปถึง 50% /bbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer