Trend/ตั้งแต่ปี 2015 โลกได้รู้จักกับ Greta Thunberg วัยรุ่นสาวชาวสวีเดนในฐานะแกนนำเรียกร้องให้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน จน Gen Z ที่อายุ 12-28 ปีทั่วโลกชื่นชมยกย่อง

นี่ทำให้เธอกลายเป็นคนดังระดับโลก ต้นแบบของ Gen Z และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสันติภาพมาแล้วหลายครั้งแม้เธอยังคงไม่ได้รับรางวัล แต่ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของเธอทำให้โลกหันมาตระหนักถึงภาวะโลกร้อนมากขึ้น
พร้อมข้อมูลต่าง ๆ จากทั้งสื่อ หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม และองค์กรระหว่างประเทศมากมาย ที่ชี้ว่าภาวะโลกร้อนที่พัฒนาเป็นโลกเดือดแล้วนั้น ต้องร่วมกันแก้ไข เพื่อบรรเทาปัญหาและผลกระทบต่อชีวิตคนทั่วโลก

ผลกระทบจากวิกฤตโลกเดือดยังคงเดินหน้าคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ ตั้งแต่แปลงผัก สวนผลไม้ ไปจนถึงภัตตาคาร ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งโต๊ะอาหารและการจิบกาแฟช่วงบ่ายของคนทั่วโลก
ภาวะโลกเดือดทำให้เกิดภัยแล้งและฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล จนการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรทั่วโลกเป็นไปอย่างยากลำบาก ส่งผลต่อเนื่องให้เก็บเกี่ยวได้น้อยและที่สุดก็ราคาแพงขึ้น

ในอิรักราคามะเขือเทศซึ่งอยู่ในเมนูอาหารเพิ่มจากเพียง 0.50 ดอลลาร์ (ราว 18 บาท) ต่อกิโลกรัมไปเป็นเกิน 2 ดอลลาร์ (ราว 73 บาท) ต่อกิโลกรัมแล้ว
ส่วนที่ โมร็อคโคกับอียิปต์ ประชากรในประเทศต้องคิดหนักกับการทำอาหารแต่ละครั้ง ส่วนราคาอาหารตามร้านอาหารและภัตตาคารก็แพงขึ้น หลังราคาหัวหอมและมะเขือเทศแพงขึ้นถึง 2 และ 3 เท่า

ข้ามไปที่บราซิลภาวะโลกเดือดทำให้ปีนี้เก็บเกี่ยวส้มมาแปรรูปเป็นน้ำส้มได้น้อยกว่าปีก่อน 24% ถือเป็นปริมาณเก็บเกี่ยวที่น้อยสุดนับจากปลายยุค 80 ส่งผลให้ราคาส้มในตลาดซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นทำสถิติใหม่

นี่จะส่งผลต่อราคาน้ำส้มในตลาดโลกด้วย เพราะบราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำส้มมากสุด คิดเป็น 70% ของตลาดโลก ดังนั้น หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะทำให้ไปถึงอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่ใช้ส้มและน้ำส้มทั่วโลก จนต้องใช้ผลไม้อื่นทดแทน

ภาวะโลกเดือดยังทำให้อาหารและเครื่องดื่มยอดฮิตอื่น ๆ อย่าง กาแฟและปลาแซลมอน แพงขึ้นด้วย โดยปัญหาอาหารราคาแพงจากภาวะโลกเดือดมีคำเรียกในภาษาอังกฤษว่า Heatflation
รายงานจากการศึกษาและคาดการณ์ร่วมกันของธนาคารกลางยุโรปและสถาบันด้านสิ่งแวดล้อมในเยอรมนี ระบุว่า จากนี้ไปถึงปี 2035 Heatflation จะทำให้ราคาอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1%-3% ต่อปี
และจะเมื่อถึงปี 2060 จะเพิ่มขึ้นถึง 4.3% ต่อปี โดยประเทศที่ได้ผลกระทบมากสุดคือประเทศแถบตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า Heatftation เป็นปัญหาสะสมที่ต้องแก้ไขกันระยะยาว
แต่ก็ยังสามารถคลี่คลายได้ผ่านการลดใช้พลังงานก่อมลพิษสูง พัฒนาเทคโนโลยีทางเกษตร และคิดค้นแผนการพัฒนาต่าง ๆ ที่ยั่งยืน/dw, theguardian
–
