Trend / ความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม และสภาพเศรษฐกิจ รวมไปถึงปัจจัยปลีกย่อยต่าง ๆ ทำให้ปัญหาที่แต่ละประเทศต้องรับมือนั้นแตกต่างกันไป ยิ่งถ้าต้องทุ่มงบก้อนโตเข้าจัดการย่อมเป็นการสะท้อนว่านี่คือปัญหาใหญ่

เหมือนปัญหาที่กำลังกัดกินเกาหลีใต้ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไข ส่วนฝ่ายปกครองของเมืองหลวงก็เพิ่งแถลงว่าจะใช้งบถึง 327 ดอลลาร์ (ราว 11,000 ล้านบาท) เพื่อคลายวิกฤต

ปัญหาที่ว่าในสังคมเกาหลีใต้คือ ความเหงา โดยกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคมเกาหลีใต้เผยว่า เมื่อปี 2023 คนต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเพราะความเหงาเปล่าเปลี่ยวหรือโกด็อกซา อยู่ที่ 3,661 ราย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากจำนวน 3,559 ราย และ 3,378 ราย ของปี 2022 และปี 2021 ตามลำดับ

84% ของผู้เสียชีวิตลักษณะนี้เมื่อปี 2023 เป็นชายอายุ 50-60 ปี และชายที่จะอยู่ตัวคนเดียวมีแนวโน้มจะจบชีวิตแบบเงียบมากกว่าผู้หญิง

ข้อมูลดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความเหงาที่ยังคงเล่นงานเกาหลีใต้ จนทำให้ประเทศสูญเสียประชากรที่ควรจะได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ไล่ตั้งแต่กลุ่ม Gen Z ที่เหงาและหมดไฟจนไม่ออกจากบ้าน ไปจนถึง Gen X หรือ Babyboomer ซึ่งเหงาและหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต จนเกิดกรณี โกด็อกซา

ซึ่งกว่าคนอื่นจะทราบว่าเสียชีวิตก็ผ่านไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ดังปรากฏในซีรีส์เกาหลีใต้บางเรื่อง เช่น Move to Heaven ที่บริษัทเก็บกวาดห้องคนตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ ถูกว่าจ้างให้จัดการห้องหลังเจ้าของเสียชีวิตโดยไม่มีใครรู้หลายวัน

ความเหงาหรือการชอบทำอะไรคนเดียวในเกาหลีใต้ยังกระทบต่อบางธุรกิจอีกด้วย โดยสื่อเกาหลีใต้รายงานอิงข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐบาลว่า เมื่อกรกฎาคม 2024 ห้องคาราโอเกะทั่วประเทศ อยู่ที่ 25,900 ห้อง ลดลงจาก 33,000 ห้องเมื่อเดือนเดียวกันปี  2017

ซึ่งเมื่อสืบย้อนไปก็พบว่ามาจากกลุ่ม Gen Z ไม่ชอบออกไปสังคม สังสรรค์ หรือมีต้นตอมาจากความเหงานั่นเอง

แน่นอนว่านี่คือปัญหาที่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ โดยเมื่อปี 2023 รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือคนรุ่นใหม่เดือนละ 475 ดอลลาร์ (ราว 16,000 บาท) เพื่อให้มีเงินไว้ยังชีพและกลับสู่สังคม พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน โอ เซฮุน นายกเทศมนตรีกรุงโซล ได้ประกาศทุ่มงบก้อนใหญ่ เพื่อจัดศูนย์ให้คำปรึกษา ปรับภูมิทัศน์ จัดกิจกรรมให้ผู้คนได้พบปะกัน และสร้างอาคารให้ผู้คนได้เข้าสังคมกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้กรุงโซลมีคนเหงาอีกต่อไปในอีก 5 ปีจากนี้  

อัน ซูจอง ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาประจำมหาวิทยาลัยมยองกีในเกาหลีใต้ ให้ทัศนะเรื่องความเหงาที่เป็นปัญหาระดับชาติไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขากล่าวว่า ความเหงาของเกาหลีใต้เกิดจากเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีค่าต่อสังคม

หรือทำอะไรได้ด้อยกว่าผู้อื่น ทั้งในเรื่องการเรียน หน้าที่การงาน และความก้าวหน้าในชีวิต เมื่อเกิดความรู้สึกด้อยกว่าผู้อื่นจึงไม่กล้าออกไปสู้หน้า ทำให้เกิดการปลีกตัวไปอยู่คนเดียว จนเหงาโดดเดี่ยว และจบลงด้วยการฆ่าตัวตายไปแบบเงียบ ๆ

นี่เป็นสิ่งที่อาจแก้ไขได้ลำบาก เพราะเกาหลีใต้เป็นสังคมที่แข่งขันกันสูงจนคนเกิดความเครียด ไล่ตั้งแต่เรื่องการศึกษาของเยาวชน ขึ้นมาจนถึงหน้าที่การงานของผู้ใหญ่ และปัจจุบันยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงโพสต์อวดความก้าวหน้าในชีวิตของคนรอบตัวผ่านสื่อโซเชียลกันอีก  

ศาสตราจารย์ อัน ซูจอง ยังวิเคราะห์ด้วยว่า ค่าครองชีพที่สูง การไม่แต่งงานของคนรุ่นใหม่ และอัตราเกิดต่ำอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งทำให้ไม่มีลูกหลานมาช่วยดูแลหรือไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบคนวัยกลางคนขึ้นไป ก็เป็นปัจจัยลบที่ทำให้ปัญหาความเหงาและโกด็อกซายังคงเกิดขึ้น

ดังนั้น นี่จึงเป็นปัญหาที่ต้องใช้ทั้งงบประมาณ ความจริงจัง และความต่อเนื่องในการแก้ไข ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนของประเทศต้องร่วมมือกัน และหันมาใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น/cnn, koreatimes

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer