Trend / ประเทศในเอเชียตะวันออกต่างก็มีเมนูเส้นในแบบฉบับของตัวเอง ท่ามกลางชื่อเรียก ส่วนผสม และรสชาติที่ต่างกันไป โดยในส่วนของญี่ปุ่น คือ ราเมง ซึ่งถือเป็นเมนูอิ่มสะดวกประจำชาติที่หากินได้ทั่วไป

ขณะเดียวกัน ร้านราเมงริมทาง ก็ยังเป็นเอกลักษณ์สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกอยากไปลิ้มรสสักครั้งเมื่อเดินทางไปเยือนถึงถิ่น ควบคู่กับเมนูดังของญี่ปุ่นเมนูอื่น ๆ อย่าง ข้าวปั้น ซูชิ และซาเซมิ
ทว่าปัจจุบันราเมงกลายเป็นหนึ่งในเมนูที่สะท้อนถึงปัญหาใหญ่ของประเทศที่รัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้งต้องเร่งแก้ไข
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ราคาราเมงในประเทศแพงขึ้นอย่างมาก โดยยกตัวอย่าง ร้านราเมงทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ซึ่งมีดีกรีแชมป์จากการแข่งขัน และเปิดมาเพียงปีครึ่ง ที่ต้องปรับราคาขึ้นถึง 3 ครั้ง
จนล่าสุดจำเป็นต้องขึ้นราคาเมนูขายดีไปอยู่ที่ชามละ 1,250 เยน (ราว 275 บาท) หรือแพงขึ้นจากเดิมถึง 47% และไม่สามารถรับประกันได้ว่าอนาคตต้องขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อให้ร้านยังมีกำไร สามารถไปต่อได้แบบขายดีคิวแน่นเหมือนที่เป็นอยู่

เจ้าของร้านเผยว่า ต้องขึ้นราคาตามวัตถุดิบที่แพงขึ้น โดยแม้พยายามใช้ส่วนผสมที่ผลิตในประเทศให้มากสุด แต่ก็ยังต้องมาเจอกับแป้งมาทำเส้นที่ต้องนำเข้าซึ่งราคาแพง และเมื่อบวกค่าแรง ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส กับต้นทุนอื่น ๆ เข้าไปด้วยที่สุดก็จึงต้องขึ้นราคา
สื่อญี่ปุ่นรายงานต่อว่า ราเมงร้านนี้ยังถือว่าโชคดีที่แม้จะขึ้นราคาถึง 3 ครั้งแต่ลูกค้ายังแน่นร้าน เพราะปีนี้มีร้านราเมงที่ต้องปิดไปแล้วหลายสิบร้าน
เรื่องนี้มีข้อมูลยืนยันได้ โดย Teikoku Databank บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลสินเชื่อในการทำธุรกิจระบุว่า ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีร้านราเมง 49 ร้านที่ต้องปิดไปเพราะล้มละลาย หลังหนี้ท่วมเกิน 10 ล้านเยน (ราว 2 ล้านบาท) และเมื่อถึงสิ้นปี 2024 คงจะแซง จำนวน 54 ร้านที่ล้มละลายเมื่อปี 2020
ปัญหาอาหารราคาแพงขึ้นในญี่ปุ่น ยังมาจากสินค้านำเข้าทุกอย่างที่ราคาแพงขึ้น หลังเงินเยนอ่อนค่ามากสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และราคาข้าวที่แพงขึ้นเพราะเก็บเกี่ยวได้น้อยจากปัญหาภัยแล้งกับเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
รวมไปถึงปัจจัยลบอื่น ๆ จากสถานการณ์โลก เช่น สงครามในยุโรป และตะวันออกกลางที่ต่างก็กระทบต่อราคาน้ำมันและการลำเลียงวัตถุดิบต่าง ๆ
ราเมงที่ราคาแพงขึ้นย่อมเป็นการสะท้อนว่าอาหารในญี่ปุ่นยังคงแพงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะเมนูหลักอื่น ๆ ในประเทศก็แพงขึ้นเช่นกัน ตามราคาวัตถุดิบ
ซึ่งที่เป็นข่าวใหญ่คือข้าวพันธุ์ญี่ปุ่น โดยเมื่อช่วงกันยายน เกิดปัญหาข้าวพันธุ์ญี่ปุ่นเก็บเกี่ยวได้น้อย ทำให้ขาดตลาด ถึงขั้นห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ต้องจำกัดการซื้อ

ท่ามกลางภาพและคลิปวิดีโอชั้นวางขายแทบไม่มีข้าวพันธุ์นี้หลงเหลือเลย และบางเมนู อย่างข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ที่ต้องใช้ข้าวพันธุ์ญี่ปุ่น ซึ่งแพงสุดในรอบเกือบ 10 ปี
ปัญหาราเมงและเมนูประจำชาติอื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่แพงขึ้นนี้ ยังน่าติดตามขึ้นไปอีกเพราะมีขึ้นในยุคที่การเมืองของประเทศชะงักงันหลังการเลือกตั้ง เพราะแม้พรรคแอลดีพียังคงได้ที่นั่งมากสุดในสภาผู้แทนราษฎรแต่ก็น้อยลงกว่าเดิมมาก
ส่วนพรรคโคเมอิโตะ พรรคพันธมิตรสำคัญที่จับขั้วตั้งรัฐบาลกันมานานที่นั่งลดลงไป จึงทำให้พรรคแอลดีพีอาจต้องไปเจรจากับพรรคอื่น ๆ ด้วยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลและรักษาอำนาจไว้

พร้อมกันนี้อาจต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยที่นายกรัฐมนตรี ชิเกรุ อิชิบะ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อ 1 ตุลาคม คงต้องลาออกไป
ขณะที่พรรค ซีดีพีเจ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน แม้คว้าที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เพิ่มขึ้นก็ยังไม่มากพอถึงครึ่งหนึ่งของสภาจนสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
ดังนั้น ไม่ว่าพรรคแอลดีพีหรือซีดีพีเจจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ปัญหาอันดับแรก ๆ ที่ต้องแก้ไขคือปัญหาอาหารและข้าวของราคาแพง โดยหากสามารถทำให้ราเมงราคาลดลงมาได้ จึงเป็นการยืนยันว่าปัญหาอาหารและข้าวของแพงนั้นทุเลาเบาบางลง / reuters, japantoday, bbc
–
