Trend/หนึ่งในหัวหอกส่งให้ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักบนเวทีโลกมานานก่อนที่ Soft power จะกลายเป็นคำเรียกแผนโปรโมตประเทศ คือ อาหารเมนูข้าว ทั้งข้าวปั้น ซูชิ และข้าวสารพัดหน้า

ทว่านับจากสิงหาคมเป็นต้นมา มีสถานการณ์ที่เกี่ยวกับเมนูข้าว อันมีที่มาจากวัตถุดิบสำคัญ และอาจทำให้ต้องคิดให้รอบคอบกว่าที่เคย หากอยากกินเมนูเหล่านี้ขึ้นมา
ตั้งแต่ช่วงสิงหาคมเป็นต้นมาญี่ปุ่นเกิดปัญหาขาดแคลนข้าว หลังมีรายงานปรากฏไปตามสื่อหลายสำนักว่า ปริมาณข้าวคงคลังของประเทศอยู่ที่ 1.56 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยสุดในรอบหลายปี
ส่งผลสืบเนื่องให้ชาวญี่ปุ่นพากันไปซื้อข้าวสารญี่ปุ่นมากักตุนไว้ จากนั้นก็มีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอชั้นขายข้าวตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อโล่งหรือเหลือน้อย

เวลาถัดมาแม้ข้าวราคาแพงขึ้นแต่การแห่กันไปซื้อก็ยังไม่หยุดจน Ito-Yokado หนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่มีจำนวนสาขามากสุดของประเทศ ต้องขอความร่วมมือให้ลูกค้าซื้อข้าวสารญี่ปุ่นได้ครอบครัวละถุงเท่านั้น
ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีรายงานอีกว่าเมนูข้าวบางเมนูก็แพงขึ้น เช่น ต้นทุนในการทำข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ขึ้นมาอยู่ที่จานละ 329 เยน (ราว 75 บาท) ซึ่งสูงสุดนับจากปี 2015
สถานการณ์ดังกล่าวมีที่มาจากหลายสาเหตุประกอบกัน เริ่มจากการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวญี่ปุ่นในประเทศลดลงจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งภาวะโลกร้อน ภัยแล้ง และพายุเข้าอีก

สาเหตุต่อมาที่ทำให้ข้าวญี่ปุ่นขาดแคลนคือ เกษตรกรส่วนที่ใหญ่ที่ทำนาเป็นประชากรสูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไป จึงทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช้า
ซ้ำร้ายคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่มีน้อยอยู่แล้ว เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปัญหาการเกิดต่ำ ก็ไม่นิยมไปเป็นเกษตรกรและทำนา จึงทำให้จำนวนชาวนาของญี่ปุ่นยิ่งน้อยลงไปอีก

ปัญหาข้าวขาดแคลนในญี่ปุ่นยังเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย โดยครึ่งแรกปี 2024 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 17.8 ล้านคน ถือว่ามากกว่าช่วงใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศแล้ว
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนสิ้นปี โดยแม้นี่ทำให้ญี่ปุ่นมีรายได้เข้าประเทศมหาศาลจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกมากมาย
แต่นักท่องเที่ยวเหล่านี้ต่างก็อยากกินอาหารเมนูข้าวถึงแหล่งกำเนิด จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้ข้าวขาดแคลน
ส่วนสาเหตุสุดท้ายคือ ญี่ปุ่นมีข้าวจากต่างประเทศเข้ามาน้อย ทั้งด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าข้าวสูงถึง 778% และจำกัดปริมาณนำเข้าอยู่ที่เพียงปีละ 682,000 ตันต่อปีเท่านั้น ขณะเดียวกันยังส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แม้ด้านหนึ่งถือเป็นการปกป้องตลาดข้าวและชาวนาในประเทศ แต่นโยบายดังกล่าวก็ทำให้ผู้บริโภคญี่ปุ่นเหมือนถูกตัดขาดจากตลาดข้าวต่างประเทศ และเมื่อปริมาณเก็บเกี่ยวข้าวได้น้อยลง นี่จึงเป็นปัจจัยลบที่ซ้ำเติมสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม สื่อที่เกาะติดสถานการณ์ในญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า ปัญหาขาดแคลนข้าวในญี่ปุ่นน่าจะทุเลาลงไป เมื่อการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ราวกันยายนถึงพฤศจิกายน) มาถึง และข้าวจะทยอยกลับขึ้นไปอยู่บนชั้นวางขายตามห้างร้านต่าง ๆ จนเต็ม

ส่วนแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาว อาจต้องมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ทนต่อสภาพอากาศ ผ่อนคลายนโยบายนำเข้าลงบ้าง และออกมาตรการจูงใจให้คนรุ่นใหม่ไปเป็นเกษตรกรทำนา เพื่อเพิ่มจำนวนชาวนาให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน/cnbc, gaijinpot, thediplomat, mainichi, kyodo, nhk
–
