Trend / เป็นข่าวใหญ่ส่งท้ายปี 2024 ที่ช็อกทั้งคนในสหรัฐฯ และคนทั่วโลก ที่ได้รับรู้ตามหน้าสื่อ สำหรับการเสียชีวิตของ ไบรอัน ธอมป์สัน ซีอีโอ บริษัทประกันสุขภาพ UnitedHealthcare จากการถูกยิงที่หน้าโรงแรมในนครนิวยอร์ก ฮิลตัน มิดทาวน์ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 4 ธันวาคม

นอกจากมูลเหตุจูงใจและการติดตามคนร้ายแล้ว ยังมีอีกประเด็นน่าตกใจที่แตกออกมา นั่นคือ ไบรอัน ธอมป์สัน ถูกยิงช่วงไร้บอดี้การ์ดคุ้มกัน จึงหมายความว่าทีมบอดี้การ์ดเองหละหลวม
ขณะที่ UnitedHealthcare ก็ไม่ให้สำคัญกับการคุ้มกันซีอีโอมากเท่าที่ควรทั้งที่ผู้บริหารของธุรกิจประกันสุขภาพ คือ 3 อันดับแรกของบริษัทในสหรัฐฯ ที่ตกเป็นเป้าประทุษร้ายให้บาดเจ็บและเอาชีวิตมากสุด

เหตุการณ์นี้ทำให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจประกันสุขภาพของสหรัฐฯ เพิ่มมาตรการคุ้มกันความปลอดภัยให้ผู้บริหาร ตามด้วยลดการเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะภาพบุคคลสำคัญขององค์กร กำชับให้บุคคลเหล่านี้ลดความเคลื่อนไหวผ่านทางดิจิทัลที่เป็นเหมือนรอยเท้า (Digital Footprint) ให้ผู้คนติดตามได้ และยังปิดสำนักงานใหญ่แบบไม่มีกำหนดอีกด้วย
ส่วนบริษัทในธุรกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ก็หันมาทบทวนมาตรการคุ้มกันความปลอดภัยให้ซีอีโอและทีมผู้บริหาร ซึ่งยืนยันได้จาก Global Guardian หนึ่งในบริษัทคุ้มกันความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญในสหรัฐฯ เผยว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังข่าวช็อกของ ไบรอัน ธอมป์สัน แพร่ออกไป มีเกือบ 50 บริษัทที่โทรเข้ามาสอบถามเรื่องทีมบอดี้การ์ด
ข่าวช็อกดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้เราได้รู้ถึงความเป็นไปต่าง ๆ ของการคุ้มกันซีอีโอบริษัทในสหรัฐฯ อีกด้วย

ตามข้อมูลล่าสุดเมื่อปี 2023 ระบุว่า งบเฉลี่ยที่บริษัทในสหรัฐฯ ใช้ไปกับการคุ้มกันซีอีโอและทีมผู้บริหาร ไล่ตั้งแต่บอดี้การ์ด ไปจนถึงการดูแลความปลอดภัยเมื่อไปไหนมาไหนและข้อมูลออนไลน์ต่าง ๆ อยู่ที่ 98,000 ดอลลาร์ (ราว 3.3 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 47,600 ดอลลาร์ (ราว 1.6 ล้านบาท) ของปี 2021
และ 138 จาก 500 บริษัทมูลค่าสูงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Fortune 500) ก็จ้างทีมบอดี้การ์ด โดยเมื่อปี 2023 บริษัท Meta บริษัทแม่ของ Facebook ทุ่มงบถึง 24 ล้านดอลลาร์ (ราว 816 ล้านบาท) ถือเป็นบริษัทที่ทุ่มงบด้านนี้สูงสุดในบรรดาบริษัทสหรัฐฯ

ขณะที่ผู้บริหารบริษัทใหญ่ ๆ ร่วมชาติก็จัดงบก้อนใหญ่ในเรื่องนี้ เช่น Telsa ที่เมื่อปี 2023 ใช้งบคุ้มกัน อีลอน มัสก์ ผู้เป็นซีอีโอ ไป 2.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 81 ล้านบาท) และแค่ 2 เดือนแรกของปี 2024 ใช้แล้ว 500,000 ดอลลาร์ (ราว 17 ล้านบาท)
ส่วน Apple ทุ่ม 820,000 ดอลลาร์ (ราว 27 ล้านบาท) คุ้มกัน ทิม คุก ซีอีโอ ซึ่งเคยตกเป็นเป้าลอบติดตามของผู้ประสงค์ร้ายเมื่อปี 2022 ขณะที่บริษัทใหญ่อื่น ๆ ในสหรัฐฯ เช่น JPMorgan Chase, Warner และ Alphabet ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ยืนยันได้จากค่าใช้จ่ายเป็นตัวเลข 6 หรือ 7 หลักทั้งสิ้น
แต่น่าตกใจว่า ทำไมบริษัทประกันสุขภาพจึงไม่ทุ่มงบด้านนี้ทั้งที่ทำรายได้มหาศาลในแต่ละปี และรู้ดีว่าทั้งตัวองค์กรกับผู้บริหารตกเป็นเป้าเกลียดชังของชาวอเมริกัน ท่ามกลางข้อมูลมากมายที่ยืนยันเรื่องนี้

ไล่ตั้งแต่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ประชาชนต้องจ่ายเงินให้บริษัทประกันสุขภาพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่บริษัทประกันมักปฏิเสธการแคลมประกันหรือจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ เมื่อเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
ต่อเนื่องมาสู่ตัวเลขที่ว่าแต่ละมีปีชาวอเมริกันราว 68,000 คนที่ต้องเสียชีวิตจากการไม่ใส่ใจของบริษัทประกันสุขภาพ และอีกหลายแสนคนที่ต้องเสียบ้าน หนี้ท่วม หรือล้มละลาย ที่บริษัทประกันสุขภาพมีส่วนรับผิดชอบ
ไปจนถึงการที่ประกันสุขภาพคือธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลในแต่ละปี ซึ่ง UnitedHealthcare ก็ใหญ่เป็นเบอร์ต้น ๆ ในธุรกิจนี้ ด้วยการใช้เอไอเข้ามาจัดการเรื่องเคลมประกัน เพื่อให้ระบบเข้มงวดในการตรวจสอบเคลมประกัน

นี่ทำให้ผู้ที่ซื้อประกันได้เงินประกันยากกว่าเดิม แต่บริษัททำกำไรได้มากขึ้น โดยเมื่อปี 2023 UnitedHealthcare ทำกำไรได้มหาศาล ซึ่งผู้ที่สั่งให้นำเอไอมาใช้คือ ไบรอัน ธอมป์สัน และ UnitedHealthcare ก็ตอบแทนเขาด้วยเงินเดือนกับโบนัสเมื่อปี 2023 เป็นเงินรวม 10 ล้านดอลลาร์ (ราว 340 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอีกว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิง ไบรอัน ธอมป์สัน ก็ไม่พอใจระบบประกันสุขภาพสหรัฐฯ อย่างมาก และตนเองก็เคยได้รับผลกระทบจากการเอาเปรียบของ UnitedHealthcare
อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตแบบสุดช็อกของ ไบรอัน ธอมป์สัน คงทำให้ ทั้งบริษัทประกันสุขภาพและบริษัทในธุรกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ เพิ่มงบคุ้มกันซีอีโอมากขึ้น เพราะแม้งบด้านนี้เป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้งอกเงยหรือต้นทุนจม
แต่หากซีอีโอบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากผู้ไม่หวังดีไม่ว่าด้วยวิธีใดขึ้นมา องค์กรจะไร้หัวเรือใหญ่อย่างกะทันหัน และความเสียหายที่เกิดย่อมมหาศาล/cnn, yahoonews, apnews, theguardian
–
.
