Lipton ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของใบชา พร้อมทำความรู้จักแบรนด์ชาจากเมืองผู้ดีอังกฤษ

ลองนึกภาพเราที่กำลังเดินเล่นในสวนสวย ๆ อย่าง Hype park (ไฮด์ปาร์ก) หรือ Regents Park (รีเจนท์พาร์ค) ของอังกฤษในช่วงบ่ายที่อากาศเย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านใบไม้เขียวขจี และกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาแตะจมูก ซึ่งในขณะนั้นเรากำลังจิบถ้วยชาร้อน ๆ ที่มีกลิ่นหอมละมุนอยู่จะเพลิดเพลินขนาดไหน ซึ่งชานี้จะแบรนด์ไหนไปไม่ได้นอกจากชา Lipton(ลิปตัน) แบรนด์ชาที่มีประวัติยาวนานและน่าสนใจจากเมืองผู้ดีอังกฤษ

ซึ่งLiptonไม่ใช่แค่ชา แต่เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่พาเราย้อนกลับไปสู่ยุคที่ Sir Thomas Lipton(เซอร์ โทมัส ลิปตัน) ได้เริ่มต้นการเดินทางของเขาในการทำให้ชาเป็นเครื่องดื่มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จากร้านขายของชำเล็ก ๆ ในกลาสโกว์ สู่การเป็นแบรนด์ชาระดับโลกที่เรารู้จักกันในวันนี้

ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันดีกว่าแบรนด์ชาLiptonมีความเป็นมาอย่างไร และทำไมถึงยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน

ชื่อแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคย

รู้หรือไม่ มูลค่าแบรนด์ของลิปตันเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2022 แบรนด์ชาอังกฤษLiptonมีมูลค่าแบรนด์ประมาณ 10.57 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 8.67 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018 เลยทีเดียว ซึ่งสิ่งนี้เป็นเครื่องช่วยยืนยันการเติบโตของLiptonได้เป็นอย่างดี

โดยLiptonเป็นแบรนด์ที่ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้ง Sir Thomas Liptonซึ่งเริ่มต้นธุรกิจค้าปลีกร้านขายของชําที่มีชื่อเดียวกันในสหราชอาณาจักรในปี 1871 ซึ่งแบรนด์นี้ใช้สําหรับสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่ขายในร้านค้า

ปัจจุบันแบรนด์Liptonเป็นเจ้าของโดยLIPTON Teas and Infusions หลังจาก CVC Capital Partners เข้าซื้อกิจการจาก Unilever ในปี 2022

ก่อนที่จะก่อตั้งแบรนด์Liptonชาในสมัยนั้นเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือย หายาก และมีราคาแพง ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ Sir Thomas Liptonเชื่อว่าชาควรเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้

แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยมาตั้งแต่แรก เขาเริ่มต้นจากจุดต่ำต้อยในอพาร์ตเมนต์ในกลาสโกว์ ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงระดับโลก

จุดเริ่มต้นของLiptonเริ่มต้นขึ้นในตอนที่ Sir Thomas Liptonอายุได้ 16 ปี เขาได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อเก็บประสบการณ์การทำงานก่อนที่จะกลับมาที่สกอตแลนด์เพื่อช่วยพ่อแม่ของเขาเปิดร้านขายของชํา

ในไม่ช้าร้านของเขาก็สามารถเป็นกิจการมีเครือข่ายร้านค้าทั่วกลาสโกว์ โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เขาจะขายให้กับลูกค้าของเขาคือชา เนื่องจากเขาสังเกตเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจชา จนเขาตัดสินใจซื้อฟาร์มชาแห่งแรกของเขาในศรีลังกา

ภาพ Sir ThomasLipton

หลังจากนั้นเขาก็วางแผนยกระดับธุรกิจไปอีกขั้นด้วยการเน้นธุรกิจชาโดยเฉพาะ จนในที่สุดเขาก็สามารถเปิดร้านชาLiptonแห่งแรกในกลาสโกว์ในปี 1871 ด้วยเงินออมของเขา ซึ่งเขาเริ่มต้นขายชาในราคาที่จับต้องได้ ถือว่าเป็นจุดโดดเด่นที่ทำให้ร้านของเขาได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนั้น

จนในทศวรรษ 1880 ธุรกิจได้เติบโตขึ้นจนมีสาขามากกว่า 200 แห่ง และในปี 1929 ธุรกิจค้าปลีกร้านขายของชําของLiptonเป็นหนึ่งในบริษัทที่ควบรวมกิจการกับ Home and Colonial Stores, Maypole Dairy Company, Vyes & Boroughs, Templetons และ Galbraiths & Pearks เพื่อสร้างกลุ่มอาหารที่มีร้านค้ามากกว่า 3,000 แห่ง ทำให้Lipton’s กลายเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองเล็ก ๆ นั่นเอง

ต่อมา เขาได้ก่อตั้งบริษัทบรรจุภัณฑ์ชา Thomas J LiptonCo.® ใน Hoboken รัฐนิวเจอร์ซีย์ และเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์และการจัดส่งมีราคาถูกลง เพื่อทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน ถุงชาก็ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยพ่อค้าชาวอเมริกัน Tom Sullivan (โทมัส ซัลลิแวน) Sir Thomas Lipton ได้เล็งเห็นอนาคตจึงเป็นคนแรก ๆ ที่ริเริ่มขายถุงชา และเขายังเป็นคนแรกที่พิมพ์คําแนะนําในการชงบนแท็กถุงชาอีกด้วย

ปัจจุบันชาLiptonมีจําหน่ายในกว่า 150 ประเทศ เป็นแบรนด์ชาที่นิยมโดยเฉพาะในยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา และตะวันออกกลาง จนเรียกได้ว่าได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

นอกจากนี้ ด้วยความสามารถของ Sir Thomas Liptonเขาจึงเป็นเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จด้วยตนเอง เนื่องจากเขาเริ่มต้นจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ออมเงินเพื่อเปิดร้านค้า จนกลายมาเป็นเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น

 

ที่มา:

https://www.lipton.com/us/en/our-purpose/the-history-of-lipton-tea/

https://en.wikipedia.org/wiki/Lipton

https://www.liptonteas.com/our-company/who-we-are/150-years-of-history/

https://www.npr.org/sections/thesalt/2016/10/25/498863411/-from-tea-garden-to-teapot-how-lipton-became-an-empire

https://www.historyoasis.com/post/history-lipton-tea

https://www.statista.com/statistics/1337203/lipton-brand-value/

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer