ค่ำคืนนี้ (23 มกราคม 2025) เรามาลุ้นกันว่า “หลานม่า” จะได้เป็น 1 ใน 5 ภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม [Best International Feature Film] ในปีนี้หรือไม่

การเข้าถึงรอบลุ้น 1 ใน 5 ภาพยนตร์ชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ถือเป็นครั้งแรกของภาพยนตร์ไทยหลังจากที่ประเทศไทยเสนอชื่อภาพยนตร์เรื่องน้ำพุ เข้าชิงรางวัลออสการ์ ในปี 1984 แต่การเสนอชื่อในครั้งนั้นไม่ผ่านการรับเลือกจากคณะกรรมการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล

ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่งภาพยนตร์เข้าร่วมประกวด รองจากฟิลิปปินส์
และหลังจากที่ภาพยนตร์น้ำพุถูกเสนอชื่อเข้าร่วมชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก ประเทศไทยได้เสนอชื่อภาพยนตร์เข้าร่วมชิงรางวัลออสการ์อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถเข้าชิงในรอบลึก ๆ ได้ เช่น คนเลี้ยงช้างในปี 1989, เรื่องตลก 69 ปี 2000, โหมโรง ปี 2024, รักแห่งสยาม ปี 2008, คิดถึงวิทยา ปี 2014, ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่เหลือเธอ ปี 2020, วันสุดท้ายก่อนบายเธอ ปี 2022 เป็นต้น
ส่วนหลานม่า ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของไทยที่เข้ารอบลึกที่สุดในเวลานี้ และถ้าไทยผ่านรอบ 1 ใน 5 ไปได้ จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับหนังไทยและประเทศไทยอีกมาก

สำหรับรางวัลออสการ์ ถือเป็นรางวัลที่ได้รับยกย่องว่าทรงเกียรติ และมีความสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงสหรัฐฯ และทั่วโลก จากความขลังของรางวัลที่อยู่มานานนับตั้งแต่ปี 1929
โดยจุดเริ่มต้นของรางวัลออสการ์ เกิดจาก Academy of Motion Picture Arts and Sciences หรือ AMPAS : ซึ่งเป็นองค์การวิชาชีพเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของศิลปะ และวิทยาการภาพยนตร์ ได้จัดทำรางวัล Academy Award หรือรางวัลออสการ์เพื่อเป็นเกียรติกับนักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งในปีแรกของรางวัล AMPAS ได้ประกาศผลผู้ชนะล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนที่จะจัดงานมอบรางวัลที่เป็นรูปปั้นตุ๊กตาทอง หรือรูปปั้นออสการ์ ในวันที่ 16 พฤษภาคม 1929 ในรูปแบบงานเลี้ยงอาหารค่ำส่วนตัวที่โรงแรมเดอะฮอลลีวูดโรสเวลต์ พร้อมเก็บบัตรเข้างาน 5 ดอลลาร์ จากผู้เข้าชมประมาณ 270 คน

และหลังปี 1940 ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการประกาศผลผู้ชนะ เป็นซองปิดผนึกที่ถูกเปิดเพื่อประกาศในงาน พร้อมกับเพิ่มรางวัล Best International Feature Film มอบรางวัลให้กับภาพยนตร์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปี 1956 หลังจากที่เคยมอบรางวันนี้ครั้งแรกในปี 1947 แต่เป็นการมอบรางวัลที่ไม่ต่อเนื่อง
สำหรับภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล Best International Feature Film ที่ผ่านมา นับจากปี 1947 อ้างอิงข้อมูลจาก Statista พบว่าประเทศที่ได้รับรางวัล ได้แก่
อิตาลี 11 รางวัล
ฝรั่งเศส 9 รางวัล
สเปน 4 รางวัล
เดนมาร์ก 4 รางวัล
เนเธอร์แลนด์ 3 รางวัล
สวีเดน 3 รางวัล
สหภาพโซเวียต 3 รางวัล
เยอรมนี 3 รางวัล
ญี่ปุ่น 2 รางวัล
สวิตเซอร์แลนด์ 2 รางวัล
ฮังการี 2 รางวัล
อาร์เจนตินา 2 รางวัล
ออสเตรีย 2 รางวัล
เชโกสโลวะเกีย (เช็ก และสโลวัก) 2 รางวัล
อิหร่าน 2 รางวัล
และแอลจีเรีย, เยอรมนีตะวันตก, เซ็กเกีย, บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา, ชิลี, โกตดิวัวร์, โปแลนด์, แอฟริกาใต้, ไต้หวัน, เม็กซิโก, เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ประเทศละ 1 รางวัล

ส่วนรายได้ของประกาศผลรางวัลออสการ์ในปัจจุบัน รายได้หลักมาจากโฆษณาที่ขายให้กับสปอนเซอร์ที่สนใจ โดยในแต่ละปีข้อมูลจาก Statista พบว่ารางวัลออสการ์สามารถสร้างรายได้จากโฆษณาดังนี้
รายได้โฆษณาจากการจัดรางวัลออสการ์ (เรต 1 USD = 33.92 บาท)
2019 114 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,870 ล้านบาท)
2020 129.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,380 ล้านบาท)
2021 115.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,910 ล้านบาท)
2022 138.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,710 ล้านบาท)
2023 117.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,980 ล้านบาท)
2024 120 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,070 ล้านบาท)
อย่างไรก็ดี สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลกในแต่ละปีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและตกลงในปี 2024 อ้างอิงข้อมูลจาก Statista พบว่าภาพยนตร์โลกมีรายได้จากการฉายในโรงภาพยนตร์ดังนี้
2019 42,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.44 ล้านล้านบาท)
2020 11,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 0.40 ล้านล้านบาท)
2022 21,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 0.72 ล้านล้านบาท)
2022 25,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 0.88 ล้านล้านบาท)
2023 33,880 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.15 ล้านล้านบาท)
2024 30,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท)
–
