เมื่อการเปรียบเทียบในธุรกิจทำให้เครียด จะรับมือยังไงดี?
ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร หรือกำลังทำธุรกิจอยู่ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ คงหนีไม่พ้นเรื่อง “การเปรียบเทียบ” กับคู่แข่งแน่นอน วัน ๆ นั่งคิดว่า “ทำไมร้านนั้นขายดีกว่าเรา?” “ทำไมสินค้าของเขาดูพรีเมียมกว่า?” “ทำไมพนักงานเขาเก่งจัง?” ดูเหมือนจะมีเรื่องให้เปรียบเทียบตลอดเวลา แล้วพอคิดเยอะเข้า จากที่ควรเป็นข้อมูลที่ใช้พัฒนาธุรกิจ กลายเป็นความเครียดแทน
ต้องยอมรับว่าการเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในโลกธุรกิจ เพราะเราต้องรู้ว่าใครทำอะไรดี ใครมีจุดแข็งตรงไหน เพื่อเอามาปรับปรุงตัวเอง แต่ถ้าเปรียบเทียบจนหมดกำลังใจ รู้สึกว่าธุรกิจเราสู้เขาไม่ได้สักที แบบนี้ไม่ดีแน่
ลองมาดูกันว่า เราจะใช้การเปรียบเทียบให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ทำให้ตัวเองเครียดจนเกินไปได้ยังไงบ้าง
เปลี่ยนวิธีเปรียบเทียบ: จาก “บั่นทอน” เป็น “สร้างสรรค์”
ปกติแล้วเรามีสองแบบของการเปรียบเทียบ แบบแรกคือ “เปรียบเทียบแล้วหมดกำลังใจ” มันเป็นแบบที่เรามัวแต่มองว่าคู่แข่งทำอะไรได้ดีกว่า แล้วนั่งเศร้าว่าเราคงไม่มีวันทำได้แบบเขา ถ้าเป็นแบบนี้ นอกจากจะไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้น ยังเสียพลังงานไปเปล่า ๆ
อีกแบบคือ “เปรียบเทียบเพื่อเรียนรู้” แทนที่จะจมกับคำถามว่า “ทำไมเขาดีกว่าเรา?” ลองเปลี่ยนเป็น “เขาทำอะไรที่เรายังไม่ได้ทำ?” หรือ “อะไรที่ลูกค้าชอบเกี่ยวกับเขา?” แบบนี้เราจะได้มุมมองที่เป็นประโยชน์มากกว่า
อย่าลืมว่า ทุกธุรกิจมีจุดแข็งของตัวเอง คู่แข่งอาจทำได้ดีในบางเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีอะไรที่เป็นจุดขาย ลองโฟกัสที่สิ่งที่เรามี และมองหาวิธีพัฒนาในจุดที่เรายังขาด แบบนี้จะทำให้การเปรียบเทียบเป็นแรงผลักดัน แทนที่จะเป็นตัวฉุดเราให้จมอยู่กับความเครียด
อย่าเปรียบเทียบทุกอย่าง เลือกเปรียบเทียบเฉพาะสิ่งที่สำคัญ
ปัญหาของคนทำธุรกิจคือ บางครั้งเรา “เปรียบเทียบทุกอย่าง” กับคู่แข่ง ซึ่งมันมากเกินไป และทำให้เราเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็นจริง ๆ
ลองถามตัวเองว่า อะไรคือสิ่งที่ “สำคัญจริง ๆ” สำหรับธุรกิจเรา เช่น
- ถ้าเราทำธุรกิจร้านอาหาร ควรเปรียบเทียบรสชาติอาหาร บรรยากาศ การบริการ มากกว่าการไปเครียดเรื่องว่าร้านคู่แข่งมีโลโก้สวยกว่าหรือมีอินสตาแกรมคนติดตามเยอะกว่า
- ถ้าเราทำธุรกิจขายของออนไลน์ ควรเปรียบเทียบเรื่องช่องทางการตลาด การตั้งราคาที่เหมาะสม และประสบการณ์ของลูกค้า มากกว่าการมานั่งเปรียบเทียบว่าคู่แข่งใช้แพ็กเกจจิ้งหรูหรากว่าเราแค่ไหน
การโฟกัสแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเรา จะช่วยให้เรามีสมาธิในการพัฒนาแทนที่จะเครียดไปหมดทุกเรื่อง
ถ้าสู้ตรง ๆ ไม่ได้ ลองสร้างความแตกต่างแทน
บางทีการพยายาม “เอาชนะ” คู่แข่งในเกมที่เขาถนัด อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ถ้ารู้ว่าคู่แข่งแข็งแกร่งมากในบางจุด แทนที่จะพยายามแข่งกับเขาตรง ๆ ลองหา “จุดที่เราแตกต่าง” แล้วใช้มันให้เป็นข้อได้เปรียบ
มีตัวอย่างธุรกิจที่ทำแบบนี้เยอะมาก
- ร้านกาแฟเล็ก ๆ อาจไม่ได้แข่งกับแบรนด์ใหญ่ด้วยราคาถูกที่สุด แต่แข่งด้วยความเป็นกันเองและเมนูที่เป็นเอกลักษณ์
- แบรนด์เสื้อผ้าใหม่ ๆ อาจไม่ได้สู้กับแบรนด์ดังในเรื่องจำนวนสาขา แต่สร้างฐานลูกค้าด้วยความเฉพาะตัวของดีไซน์และเรื่องราวของแบรนด์
- ธุรกิจขายอาหาร อาจไม่ได้แข่งด้วยการลดราคา แต่ใช้คุณภาพของวัตถุดิบหรือสูตรพิเศษที่ไม่มีใครเหมือน
หากเราหาจุดแข็งที่เป็นของเราเองได้ เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับการเปรียบเทียบมากเกินไป เพราะเรากำลังเล่นในสนามของตัวเอง ไม่ใช่ไปแข่งในเกมของคู่แข่ง
เลิกหมกมุ่นกับตัวเลข แล้วมองปัจจัยอื่น ๆ ด้วย
หลายครั้งที่เราหมกมุ่นอยู่กับตัวเลข เช่น ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด กำไร แล้วเปรียบเทียบกับคู่แข่งจนเครียด แต่จริง ๆ แล้ว ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขแค่ระยะสั้นเท่านั้น
บางบริษัทดูเหมือนจะเติบโตเร็วมาก แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยปัญหาทั้งพนักงานลาออก หรือหนี้สินที่พอกพูน บางธุรกิจอาจไม่ได้ทำกำไรสูงสุดในทันที แต่มีความมั่นคงเพราะสร้างฐานลูกค้าที่รักแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น แทนที่จะเปรียบเทียบแค่ “ขายได้มากกว่า-ขายได้น้อยกว่า” ลองดูสิ่งอื่นด้วย เช่น
- ลูกค้าพึงพอใจกับสินค้าหรือบริการของเรามากแค่ไหน?
- พนักงานของเรามีความสุขกับที่ทำงานหรือไม่?
- เรากำลังสร้างสิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคมหรือลูกค้าของเราหรือเปล่า?
มุมมองแบบนี้จะช่วยให้เราไม่เครียดกับตัวเลขจนเกินไป และทำให้เรามองเห็นภาพระยะยาวของธุรกิจได้ชัดขึ้น
บริหารความเครียดจากการเปรียบเทียบให้เป็น
สุดท้ายแล้ว การเปรียบเทียบจะทำให้เราเครียดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดการกับมันอย่างไร ถ้าเรารู้สึกว่ามันกำลังทำให้เราหมดไฟ อาจต้องถอยออกมาสักก้าว แล้วถามตัวเองว่า เรากำลังใช้การเปรียบเทียบเพื่อพัฒนาหรือกำลังปล่อยให้มันมาทำร้ายตัวเอง?
ลองเปลี่ยนจากการจมอยู่กับความรู้สึกว่า “เราสู้เขาไม่ได้” เป็น “วันนี้เราจะพัฒนาตัวเองขึ้นจากเมื่อวานยังไง?” โฟกัสที่เส้นทางของตัวเอง แล้วใช้ข้อมูลของคู่แข่งเป็นแนวทางในการพัฒนา แทนที่จะใช้มันเป็นตัววัดความสำเร็จของเรา
สรุป
การเปรียบเทียบในธุรกิจเป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องทำอย่างฉลาด ถ้าเปรียบเทียบแล้วเครียดไปหมดทุกเรื่อง อาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนวิธีคิด เลือกเปรียบเทียบเฉพาะสิ่งที่สำคัญ โฟกัสที่จุดแข็งของตัวเอง และอย่าลืมมองภาพระยะยาวของธุรกิจ
สุดท้ายแล้ว การเปรียบเทียบที่ดีที่สุดคือการเปรียบเทียบกับตัวเอง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวัน แล้ววันหนึ่งคุณจะพบว่า คู่แข่งไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นแรงผลักดันให้คุณเติบโต
อ่านเพิ่มเติม
https://asana.com/resources/competitive-analysis-example
https://www.uschamber.com/co/start/strategy/how-to-conduct-competitive-research
https://blog.hubspot.com/marketing/competitive-analysis-kit
https://mailchimp.com/resources/what-is-competitor-analysis/
เรื่อง: ดีจัง
ซีรีส์ : ฝึกจิตฮีลใจ มีด้วยกัน 10 Episodes
EP.1 : ชีวิตอยู่กับ “การเปรียบเทียบ” อดใจไม่ไหวต้อง “เปรียบ” แต่พอ “เทียบ” แล้วสะท้อนใจ
EP.2 : ทำธุรกิจก็ต้อง “เปรียบเทียบ” คู่แข่ง แต่เปรียบแล้ว เจ้านายก็หัวร้อน ลูกน้องก็เครียด แล้วจะเทียบกันยังไง
–
