ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ตลาดร้านอาหารในปี 2568 จะเติบโต 4.6% มีมูลค่ารวมประมาณ 657,000 ล้านบาท (รวมร้านอาหารริมทางหรือ Street Food)
ในจำนวนนี้ กลุ่ม Street Food มีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 4.8% คิดเป็นมูลค่าราว 572,000 ล้านบาท
รองลงมาคือกลุ่มร้านอาหารประเภท Limited Service Restaurants (เช่น พิซซ่า ไก่ทอด) ซึ่งเติบโต 3.8% มีมูลค่า 93,000 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่ม Full Service Restaurants เติบโตต่ำสุดที่ 2.9% มีมูลค่าประมาณ 213,000 ล้านบาท
ข้อมูลยังระบุว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารเฉลี่ย 9.6 ร้านต่อประชากร 1,000 คน สะท้อนการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมนี้
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจอาหาร แต่ Zen Group ตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ที่ 4,500 ล้านบาท โดยมุ่งเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วย
1. สร้างการเติบโตผ่านคอนเซ็ปต์ Everyday Zen
Zen Group มุ่งสร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์ในทุกมื้ออาหาร ผ่าน 7 แบรนด์หลักจากทั้งหมด 10 แบรนด์ที่มีอยู่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ดังนี้
-
Zen – ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน และกลุ่มเพื่อนฝูง พร้อมสร้างภาพจำ “คิดถึงปลา คิดถึง Zen” โดยนำเสนอปลาซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารญี่ปุ่น
-
AKA – ร้านอาหารปิ้งย่างที่เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา และวัยทำงาน ที่ชื่นชอบการสังสรรค์
-
On the Table – ร้านอาหารสไตล์โตเกียวคาเฟ่ เจาะกลุ่มครอบครัวและวัยทำงานที่ชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในบรรยากาศเป็นกันเอง
-
ตำมั่ว – ร้านอาหารไทยอีสานสำหรับกลุ่มครอบครัวและคนทำงานรายได้ระดับปานกลาง ที่นิยมอาหารรสจัด โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 250–270 บาท
-
ลาวญวน – ร้านอาหาร 3 เชื้อชาติจากลุ่มแม่น้ำโขง มุ่งเน้นกลุ่มครอบครัวและคนวัยทำงานรายได้ปานกลางถึงสูง ที่มองหาอาหารเพื่อสุขภาพ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนประมาณ 300–320 บาท
-
เขียง – ร้านอาหารไทยสตรีทฟู้ด เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวและคนทำงานที่ชื่นชอบอาหารรสจัดจ้าน
- Sushi Cyu & Carnival ร้านซูชิระดับไฮเอนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่มีรายได้สูงที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นและให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความพิถีพิถัน และประสบการณ์การรับประทาน ผ่านการนำเสนอในรูปแบบโอมากะเสะ
2. ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้สดใหม่อยู่เสมอ
ปีนี้ Zen Group ยังคงให้ความสำคัญกับการปรับโฉมแบรนด์ (Revamp & Renovate) เช่น Zen, AKA และ On the Table เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและดึงดูดลูกค้ามากยิ่งขึ้น
หลังจากปีที่ผ่านมา Zen Group ได้เปิดตัว AKA Flagship Store สาขาแรกที่ Central World ในรูปแบบ DIY Bar เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหาร ซึ่งในปีนี้มีแผนจะขยายสาขา DIY Bar ของ AKA เพิ่มอีก 4 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเมนูอาหารใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการรับประทานอาหาร
3. ขยายโอกาสสร้างรายได้ใหม่ ผ่านอาหารกลุ่ม Ready to Eat และ Ready to Cook
Zen Group มีแผนนำผลิตภัณฑ์อาหารจากแบรนด์ในเครือเข้าสู่ตลาดในรูปแบบ Ready to Eat และ Ready to Cook เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่
การเริ่มต้นธุรกิจในกลุ่มนี้เกิดจากการจับมือกับ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) โดยได้นำน้ำส้มตำแบรนด์ ตำมั่ว ไปวางจำหน่ายควบคู่กับชุดมะละกอและผักใน แม็คโคร และ โลตัส ภายใต้ 2 สูตร คือ ส้มตำไทย และส้มตำปลาร้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกลับไปปรุงเองที่บ้านในรสชาติเดียวกับร้าน
หลังจากเปิดตัวน้ำส้มตำ Zen Group ยังมีแผนต่อยอดด้วยการออกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่น ๆ ในเครือในรูปแบบ Ready to Eat และ Ready to Cook อย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยเดือนละ 1 แบรนด์ โดยเริ่มจากแบรนด์อาหารไทย เช่น ตำมั่ว, เขียง, และ ลาวญวน เพื่อให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ายิ่งขึ้นในทุกมื้ออาหาร ทั้งที่บ้าน ร้านอาหาร และบริการเดลิเวอรี
4. ขยายสาขาในไทยและต่างประเทศ
Zen Group มีแผนเปิดสาขาใหม่รวม 24 สาขา แบ่งเป็นในประเทศไทย 12 สาขา และต่างประเทศอีก 12 สาขา โดยให้ความสำคัญกับการขยายสู่กลุ่มประเทศ AEC โดยเฉพาะ ลาว มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงจากกระแสความนิยมอาหารไทย และจำนวนประชากรที่เอื้อต่อการเติบโตในระยะยาว
จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์ในปีที่ผ่านมา พบว่า Zen Group มีสาขารวมทั้งในและต่างประเทศจำนวน 317 สาขา
-
ในประเทศ 303 สาขา (ทั้งลงทุนเองและแฟรนไชส์)
-
ต่างประเทศ 14 สาขา (ดำเนินการผ่านแฟรนไชส์ทั้งหมด)
รายละเอียดสาขาในเครือ แบ่งตามแบรนด์ ได้แก่:
-
Zen – 53 สาขาในประเทศไทย ทั้งหมดเป็นสาขาที่บริษัทลงทุนเอง
-
AKA – รวม 53 สาขา แบ่งเป็นในไทย 52 สาขา (เปิดเอง 51, แฟรนไชส์ 1) และต่างประเทศ 1 สาขา
-
On the Table – 38 สาขา โดยในประเทศเปิดเอง 35 สาขา และต่างประเทศ 3 สาขา
-
ตำมั่ว – 74 สาขา แบ่งเป็น 71 สาขาในไทย (ลงทุนเอง 9, แฟรนไชส์ 62) และต่างประเทศ 3 สาขา
-
เขียง – 50 สาขา แบ่งเป็นในไทย 43 สาขา (ลงทุนเอง 7, แฟรนไชส์ 36) และต่างประเทศ 7 สาขา
5. ให้ความสำคัญกับธุรกิจ Manufacturing
Zen Group ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจ Manufacturing ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัทย่อย
ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหาร เป็นแหล่งรายได้หลักของกลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ขณะที่ ธุรกิจ Manufacturing สร้างรายได้มากกว่า 20% ซึ่งเป็นแหล่งรายได้อันดับสองของกลุ่ม
ปีนี้ Zen Group ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจ Manufacturing โดยเน้นที่ 2 บริษัทหลัก ได้แก่
-
บริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด – ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรุงรส โดยเฉพาะ น้ำปลาร้า
-
บริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด – ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารทะเลและเนื้อแช่แข็ง รวมถึงวัตถุดิบปรุงอาหาร
บริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ ยังได้เปิดโรงงานใหม่เพื่อรองรับการตัดแต่งวัตถุดิบให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า B2B พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าและป้อนวัตถุดิบคุณภาพให้กับร้านอาหารในเครือ Zen Group
ในปี 2567 ที่ผ่านมา Zen Group มีรายได้รวม 4,092.1 ล้านบาท เติบโต 3% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 3,945.5 ล้านบาท
แบรนด์ร้านอาหารที่สร้างรายได้สูงสุด ได้แก่:
-
Zen รายได้ 1,146.2 ล้านบาท
-
AKA รายได้ 942.8 ล้านบาท
-
On the Table รายได้ 519.0 ล้านบาท



