เป็นเรื่องจริงที่ คนไทย ยอมรับแบรนด์สกินแคร์ และเครื่องสำอางที่เป็นไทยแบรนด์มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

และการยอมรับในสินค้าแบรนด์ไทยกลายเป็นจุดสร้างโอกาสให้กับ YouTuber สายบิวตี้ ที่หันมาลงเล่นในธุรกิจผ่านสกินแคร์และเครื่องสำอางผ่านการสร้างแบรนด์ของตัวเองมากขึ้นเพื่อต่อยอดทางธุรกิจจากฐานผู้ติดตามที่มีอยู่

ประกอบกับในตลาดสกินแคร์และเครื่องสำอางไทย แม้มีการแข่งขันกันสูง แต่เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในทุก ๆ ปี

จากรายงานของ Statista พบว่าตลาดสกินแคร์ในประเทศไทยปี 2568 มูลค่า 11,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 392,700 ล้านบาท) เติบโตเฉลี่ย 4.81% ต่อปี ในระหว่างปี 2568-2573

ตลาดสกินแคร์สำหรับผิวหน้า มีมูลค่า 592.06 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,700 ล้านบาท) เติบโตเฉลี่ย 5.06% ต่อปี

และตลาดเครื่องสำอางมีมูลค่า 819.53 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 27,270 ล้านบาท) เติบโตเฉลี่ย 4.46% ต่อปี

นอกจากนี้ พฤติกรรมคนรุ่นใหม่ มี Brand Loyalty ที่ลดลง นิยมหาข้อมูลเชิงลึกก่อนตัดสินใจซื้อ ผ่านการอ่านรีวิว เปรียบเทียบ มองหาสินค้าที่เหมาะกับตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อมากขึ้น ซึ่งการตัดสินใจซื้อส่วนหนึ่งอาจมาจากการรีวิว แนะนำของ YouTuber สายบิวตี้ จากความเชื่อมั่นที่มีต่อบุคคล

ในประเทศไทยมีแบรนด์สกินแคร์และเครื่องสำอางที่เกิดจาก YouTuber สายบิวตี้ เช่น แบรนด์ INGU, Archita, Happy Sunday, Jovina Cometics, Awena และ Elite Care ซึ่งแต่ละแบรนด์มีการวางจุดขายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน

INGU แบรนด์สกินแคร์อิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย จากช่อง Ingck

อิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย YouTuber จากช่อง Ingck ผู้นำเสนอรายการพลิกหลังกล่อง ได้เข้าสู่โลกสกินแคร์ จากปัญหาผิวของตัวเองในช่วงวัยรุ่น และซื้อสกินแคร์ตามคำแนะนำ คำโฆษณา เพราะอยากให้ผิวดีขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวแย่ลงกว่าเดิม จนเป็นจุดเปลี่ยนให้ตัดสินใจศึกษาเรื่องสกินแคร์อย่างจริงจัง

และในช่วงโควิด-19 เขาได้เปิดช่อง Ingck พลิกหลังกล่อง เพื่อนำความรู้ที่มีอยู่ถ่ายทอดความรู้ด้านสกินแคร์ที่มีอยู่ในรูปแบบวิเคราะห์ส่วนผสมหลังกล่อง ถ่ายทอดในรูปแบบเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา

จากความสำเร็จของ ช่อง Ingck พลิกหลังกล่อง อิ๊ง และพี่ชาย “ธัช” กีรธัช กิติยาดิศัย ได้ต่อยอดาสู่แบรนด์สกินแคร์ของตัวเองในชื่อ INGU ผ่านแนวคิด แบรนด์สกินแคร์ที่ซื่อตรง ยั่งยืน ผ่านส่วนผสมที่เรียบง่าย และได้ผลจริง ขึ้นในปี 2565

พร้อมกับสร้างจุดยืน Brand Awareness ให้กับแบรนด์ INGU ผ่านแคมเปญ “Stop Skincare Overdose” ที่ต้องการสื่อให้ผู้บริโภคลดการใช้สกินแคร์เกินความจำเป็น ซึ่งเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคบางกลุ่มมองว่ายิ่งใช้มาก หลายขั้นตอนยิ่งเห็นผล จนกลายเห็นสาเหตุของปัญหาผิว มาเป็นเน้นการดูแลผิวที่เรียบง่ายแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพื่อเชื่อมโยงไปกับแบรนด์ INGU ที่ใช้ส่วนผสมที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเสนอวิธีการดูแลผิวอย่างถูกวิธี

การทำตลาดของแบรนด์ INGU นอกจากการนำเสนอถึงการใช้งานสกินแคร์ที่น้อยแต่มาก ยังสร้างการเติบโตผ่านพลังของอิ๊ง ในการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะฐานผู้ติดตาม อิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย ในช่วงเริ่มต้น จนเกิดการแนะนำบอกต่อเมื่อใช้และเห็นผลจริง

พร้อมกับการสร้างโอกาสทางการขายผ่านช่องทางขายที่หลากหลายทั้ง ecommerce และมัลติแบรนด์สโตร์ต่าง ๆ เช่น Watson, Eveandboy และ Beautrium เป็นต้น

และทำ CRM ผ่านฐานสมาชิก Skin Club นำคะแนนแลกส่วนลด และอื่น ๆ เพื่อรู้จักลูกค้าผ่านดาต้าเบส ที่สามารถนำเสนอสินค้า แคมเปญการตลาดที่ต้องการได้ลงลึกมากขึ้น

จนปัจจุบันแบรนด์ INGU สามารถสร้างการเติบโตด้านผลประกอบการ

ปี 2565 รายได้รวม 66.39 ล้านบาท กำไร 25.00 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 237.49 ล้านบาท กำไร 70.61 ล้านบาท

 

อาชิอาชิตา ศิริภิญญานนท์ YouTuber สายบิวตี้ที่สร้างแบรนด์ Archita จากครีมเขียนคิ้ว

แม้อาชิตา ศิริภิญญานนท์ จะเริ่มต้นเป็นบิวตี้ บล็อกเกอร์ทำคลิปความงามลงใน Social Cam ก่อน Social Cam ได้ปิดตัวลง และหันมาเป็น YouTuber สายบิวตี้ ช่อง Archita Station

 จนเข้ามาสู่ธุรกิจความงามผ่านแบรนด์ตัวเองที่ชื่อ Archita ในปี 2557 จากสินค้าตัวแรกคือครีมเขียนคิ้วที่ชื่อว่า Archita Perfect Brow Waterproof ซึ่งเป็นสินค้าที่เธอมองว่ายังไม่มีในท้องตลาด สร้างจุดขายที่แตกต่างจากเครื่องสำอางอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการคิ้วที่มีรูปทรงตามต้องการ และกันน้ำ

และความสำเร็จของครีมเขียนคิ้วได้ต่อยอดไปยังกลุ่มสินค้าอื่น ๆ สกินแคร์, เครื่องสำอาง, อุปกรณ์แต่งหน้า, เสื้อผ้า และเครื่องประดับ  

รวมถึงการจับมือ Collab กับแบรนด์ต่าง ๆ กระจายการรับรู้ สร้างรายได้ เข้าถึงฐานลูกค้าของแบรนด์ที่ Collab ด้วย เช่นการ Collab กับบาร์บี้ ทำเครื่องสำอาง อุปกรณ์แต่งหน้า เสื้อผ้า และอื่น ๆ เป็นต้น

สำหรับการทำตลาดของ Archita นอกเหนือจากการใช้พลังของตัวเองกระจายการรับรู้ของแบรนด์ ยังเน้นการสร้างโอกาสการขายผ่านฟีเจอร์ YouTube Shopping ติดตะกร้าขายสินค้าของตัวเอง และสร้างรายได้จากค่านายหน้าแนะนำสินค้าอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการขายในช่องทางออนไลน์ และร้านค้าต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์ทั่ว ๆ ไป

สำหรับผลประกอบการของแบรนด์ Archita อ้างอิงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า

ปี 2562 รายได้รวม 17.39 ล้านบาท กำไร 3.03 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้รวม 14.72 ล้านบาท กำไร 1.77 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้รวม 12.97 ล้านบาท กำไร 1.62 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้รวม 19.55 ล้านบาท กำไร 1.90 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 20.37 ล้านบาท กำไร 1.59 ล้านบาท

 

ไอซ-ภาวิดา ชิตเดชะ จาก Passion สู่ธุรกิจแบรนด์ความงาม

Happy Sunday คือธุรกิจแบรนด์แรกของ ไอซ-ภาวิดา ชิตเดชะ Youtuber จากช่อง Icepadie ที่สร้างแบรนด์สินค้าความงามและไลฟ์สไตล์ ในปี 2561

การสร้างตลาดของแบรนด์ Happy Sunday เน้นจุดเด่นสีสันแพ็กเกจจิ้งสดใส ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ จากแพ็กเกจจิ้งที่แตกจากสกินแคร์อื่น ๆ ที่มีอยู่มีท้องตลาดเวลานั้น ผ่านกลยุทธ์ Consumer Centric พร้อมกับการสื่อสารการตลาดดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้า และสร้าง Brand Awareness ให้เพิ่มขึ้น เช่น จัดทำ Pop-Up Store ของแบรนด์ ที่สยามเซ็นเตอร์ในปี 2565, ซื้อลิขสิทธิ์ Disney นำคาแรกเตอร์มาใส่ในสินค้าต่าง ๆ ขยายฐานลูกค้าที่เป็นแฟนคลับ Disney

ตลอดจนในปี 2566 เปิดแบรนด์ Mignoné (มิญอเน่) เน้น เจาะกลุ่ม Skincare Routine  หรือขั้นตอนการดูแลผิวหน้าโดยเฉพาะ ผ่านคอนเซ็ปต์ Easy, Effective, Experience and Eco friendly และสร้างจุดเด่นผ่านดีไซน์สินค้าโทนสีพาสเทล เพื่อสื่อถึงคนรุ่นใหม่ที่สนุกกับการดูแลตัวเองอย่างอ่อนโยน เป็นหลัก

โดยกลยุทธ์สร้างตลาดของแบรนด์ Mignoné เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียในการสร้าง Brand Awareness และการรีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ และผู้ใช้จริงเพื่อผลักดันให้เกิดการตัดสินใจซื้อ

พร้อมกับแคมเปญการตลาดส่งเสริมการขาย ผ่านช่องทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นหลัก เนื่องจากเป็นช่องทางที่ไอซมองว่าสามารถเข้าถึงลูกค้าและสร้างความสะดวกในการซื้อสินค้ามากที่สุด

จนที่ผ่านมา แบรนด์ Happy Sunday และ Mignoné และแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้บริษัทเดียวกัน มีผลประกอบการสร้างรายได้ให้กับไอซ ดังนี้

ปี 2562 รายได้รวม 1.96 ล้านบาท กำไร 0.35 ล้านบาท

ปี 2563 รายได้รวม 5.32 ล้านบาท กำไร 0.27 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้รวม 28.38 ล้านบาท กำไร 0.69 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้รวม 53.54 ล้านบาท กำไร 0.35 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 56.80 ล้านบาท กำไร 1.28 ล้านบาท

 

แก้มกี้-กชวรรณ สัจจา ผู้สร้างแบรนด์ Jovina Cometics และ Awena จากรองพื้น

รองพื้นแบรนด์ Jovina Cometics คือสินค้าตัวแรกในธุรกิจสกินแคร์ และเครื่องสำอางไทย ของ แก้มกี้-กชวรรณ สัจจา YouTuber ช่อง Gamgy Channel ที่เข้ามาทำตลาดในปี 2562 เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรองพื้นที่มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้ และเหมาะกับผิวคนไทย ก่อนที่จะนำฟีดแบ็กของลูกค้ามาพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์การใช้งาน และต่อยอดไปยังสินค้าอื่นๆ เช่น ลิปสติก อุปกรณ์แต่งหน้า บนจุดยืน Your Color Your Beauty และขยายธุรกิจไปยังแบรนด์ Awena สกินแคร์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาผิว บนคอนเซ็ปต์ Simple Way To Perfect Skin เพื่อขยายฐานลูกค้ามากกว่าสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางซึ่งเป็นสินค้าเริ่มต้นธุรกิจ

ด้านผลประกอบการของ Jovina Cometics , Awena และอื่น ๆ ในบริษัทเดียวกัน มีดังนี้

2562 รายได้รวม 13.26 ล้านบาท กำไร 2.06 ล้านบาท          

2563 รายได้รวม 40.96 ล้านบาท กำไร 14.87 ล้านบาท

2564 รายได้รวม 124.44 ล้านบาท กำไร 29.36 ล้านบาท

2565 รายได้รวม 178.65 ล้านบาท กำไร 37.38 ล้านบาท       

2566 รายได้รวม 104.18 ล้านบาท กำไร 5.91 ล้านบาท

 

เอแคลร์ จือปาก จากผู้มีปัญหาสิวสู่เจ้าของสกินแคร์

เอแคลร์ จือปาก หรือ เอแคลร์-ชาติศักดิ์ มหาทา YouTuber ช่อง Juepak ผู้คร่ำหวอดในวงการเกี่ยวกับสิวมาก ได้สร้างแบรนด์ Elite Care ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย และบุคคลทั่วไป ผ่านภาพลักษณ์แบรนด์มีความพรีเมียมในราคาจับต้องได้ ผ่านสินค้าตัวแรกคลีนซิ่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกที่เอแคลร์มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของหน้าสะอาด ไร้สิว พร้อมการรีวิวสินค้าที่สนุกสนาน จริงใจ และสร้างความมั่นใจผ่านการรับรองด้านต่าง ๆ รวมถึงการผลิต เพื่อเข้าถึงฐานผู้ติดตาม ก่อนขยายไปยังลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ก่อนต่อยอดไปยังสินค้าอื่น ๆ และจัดจำหน่ายผ่าน เฮฟเว่นคลาวด์

อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดสกินแคร์และเครื่องสำอางในประเทศไทยมีการแข่งขันที่สูง โดยมีทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศเข้ามาแข่งขัน การที่ YouTuber สามารถสร้างแบรนด์ของตนเองและประสบความสำเร็จได้ แสดงให้เห็นถึงพลังของการใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง YouTuber กับฐานผู้ตาม

และไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยในต่างประเทศมี YouTuber ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์สกินแคร์ และเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก เช่น

Huda Kattan YouTuber ชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้สร้างแบรนด์ Huda Beauty ที่เกิดจากความต้องการขนตาปลอมที่เหมาะกับตัวเอง จนต่อยอดไปยังสินค้าอื่น ๆ เช่น ลิปจิ้มจุ่ม เป็นต้น


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer