งาน THAIFEX 2018 นี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2561 (วันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2561 ในวันที่ 2 มิถุนายน จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
ซึ่งปีนี้ได้ใช้จำนวนพื้นที่มากที่สุดในรอบ 27 ปี ภายใต้ธีม “Thailand Creative Food” โดยได้รับเกียรติจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงาน
จาก 93,500 ตารางเมตร เมื่อปี 2017เพิ่มเป็น 107,000 ตารางเมตร รวม 11 ฮอลล์ เมื่อปี 2017 มีผู้ร่วมงานจาก 2,170 บริษัท 5,195 คูหา เพิ่มเป็น 2,537 บริษัท 5,810 จาก 41 ประเทศทั่วโลก
THAIFEX – World of Food Asia 2018 ในปีนี้ นำผู้ประกอบการสินค้าอาหารหน้าใหม่จากต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ฝรั่งเศส ศรีลังกา เวียดนาม เบลเยี่ยม และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านสินค้าอาหาร รวมถึงประเทศ อาร์เจนติน่าซึ่งเป็น Partner Country ในปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้เชิญกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายหลักที่ใหญ่ที่สุดกว่า 3,000 รายจากทั่วโลก ประกอบด้วย Annam Group (เวียดนาม), Capital Retail Limited (เมียนมาร์), Indoguna (กัมพูชา), Kaimay Trading (สิงคโปร์), Pandurasa Kharisma, PHDeli (อินโดนีเซีย) และ Premium Distribution (พม่า) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารได้มีโอกาสในการสร้างเครือข่ายและขยายธุรกิจใหม่ ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเติบโตมากยิ่งขึ้น



ทำไมอุตสาหกรรมอาหารถึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
1.ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่อันดับที่ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศจีนและอินเดีย
2ในแต่ละปีไทยส่งออกสินค้าอาหารไปทั่วโลก มูลค่าสูงเกือบ 1 ล้านล้านบาท
3.40% เป็นมูลค่าสินค้าทางการเกษตร และ 60% เป็นมูลค่ากระบวนการผลิตทางเกษตรกรรม
4.สินค้าอาหารที่มีมูลค่าการส่งออกของไทยจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร”
ไฮไลท์สำคัญ ของงานในปีนี้จะเน้นการจัดแสดงนวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าอาหาร ซึ่งจัดแสดงเป็นนิทรรศการพิเศษ “Creative Food Pavilion” โดยภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 โซน ได้แก่ 1. โซน “Alternative Sources” 2. โซน “The Natural Wonders” 3. โซน “Thai Wisdom” 4. โซน “The Exotic Experience” และ 5. Creative Food
โปรดักท์ไฮไลท์ “ Thailand creative Food ”
ส่วนหนึ่งของโปรดักท์ไฮไลท์ ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดโชว์ไว้เช่น
“น้ำมะพร้าวสปาร์กลิ่ง “BLANC COCO” ทั้งแบบที่เป็นน้ำมะพร้าวธรรมชาติอัดแก๊ส (Natural) และแบบอัดแก๊สผสมแอลกอฮอล์ 5% จุดเริ่มต้นของไอเดียในการพัฒนาสปาร์กลิ่งมาจากพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในกลุ่มสหภาพยุโรปจะนิยมเครื่องดื่มสปาร์กลิ่งอยู่แล้ว โดยทดลองอัดแก๊สลงไป สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะพร้าว
“แมลงทอดปรุงสำเร็จ” พร้อมรับประทาน เป็นรถด่วนทอดในชื่อ “ตราแม่อุไร” กล่องบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปเข้าไมโครเวฟเพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย ส่วนเมนูใหม่ๆเช่น จิ้งหรีดปรุงรส ด้วงสาคูสด ปาทังกาสด
“สะตออบแห้งชมนาด” ที่หากต้องการนำมารับประทาน แค่เพียงนำสะตออบแห้งไปแช่น้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมง จากสะตอที่แห้ง กรอบ จะค่อยๆ คืนรูปกลายเป็นเม็ดสะตอ เม็ดอวบๆ สีสวย พร้อมนำไปประกอบอาหารตามเมนูที่ต้องการ
“ไข่มดแดง” ตราTop ของกินพื้นบ้านที่เคยหายาก กลับเป็นเรื่องที่หาได้ง่ายๆ จากการเอามาทำไข่มดแดงอัดกระป๋องที่เนื้อยังเต่งตึง
กะทิ แข่งกันมัน
5 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมในกลุ่มมะพร้าวมีการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน มีมูลค่าส่งออกกว่า 14,544 ล้านบาท เป็นกะทิสำเร็จรูป ประมาณ 75 % วันนี้ กะทิขวดเรียลไทย ที่คั้นจากมะพร้าวสด ไม่ใส่วัตถุกันเสีย เพิ่มความสะดวก เมื่อใช้ไม่หมดแค่ปิดฝาขวดไว้ใช้ครั้งต่อไป ก็พร้อมที่จะลงตลาดแข่งขันอีกราย
เครื่องปรุงรส ยังคงร้อนแรง
มีผู้ประกอบการหลายราย ใช้งานนี้เปิดตัวเครื่องปรุงรสรสชาติใหม่ๆ ปัจจุบันตลาดเครื่องปรุงรสประกอบอาหารโดยรวมในไทยจะเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราว 6% ต่อปี (มูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท) สาเหตุมาจากความนิยมอาหารไทยในต่างประเทศ และปัจจุบันได้ขยายตัวไปสู่การวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตใหญ่ๆ ในต่างประเทศ โดยซอสปรุงรสเป็นประเภทของเครื่องปรุงรสอาหารที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด และแนวโน้มของตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ผู้เล่นหน้าใหม่ เอสซีจี ทำเครื่องดื่มขาย
ไม่ได้พูดเล่น เป็นครั้งแรกในรอบ 104 ปี ของเอสซีจี ที่ทำเครื่องดื่ม ขายภายใต้แบรนด์ Holis โดยเป็นผลิตภัณฑ์จากถั่งเช่า ในรูปแบบของกาแฟและเครื่องดื่มชงร้อน ด้วยความมั่นใจในเรื่องของนวัตกรรมของงานวิจัย และนวัตกรรม ในเรื่องหาสายพันธ์ที่ดี และคิดค้นอาหารเลี้ยงพืชชนิดนี้ จนมั่นใจว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย บรรจุในกล่องสวยงามที่เน้นเรื่องการดีไซน์ สไตล์เอสซีจีแพคเกจจิ้ง และเริ่มขายเป็นการภายใน ที่ SCG Boutique และขายผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อปลายปี 2560ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ
–E Market Place บริการจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างเว็บไซต์ market online ชื่อดังระดับโลก อาทิ Amazon (อเมริกา), Gosoko (แอฟริกา), Tmall (จีน) และ Redmart (สิงคโปร์) เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการ
–การจัดสัมมนาโดยสถาบัน NEA กว่า 43 หัวข้อ และได้รับความร่วมมือจาก โคโลญ เมสเซ่ อินโนว่า หอการค้า ตลอด 4 วัน ตอบโจทก์ทุกรูปแบบในอุตสาหกรรมอาหาร
-โชว์เคสสุดยอด 50 ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่โดดเด่น เต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และรสชาติได้รับการคัดสรรมาแล้วที่ THAIFEXtaste Innovation Show
-การวิเคราะห์เชิงลึกถึงโอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจากกูรูชั้นนำ
-บริการให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ Packaging และด้านโลจิสติกส์ โดยสมาคมที่เกี่ยวข้อง
-“31T” (บิท) คือ การออกแบบประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อให้ นักธุรกิจที่เข้าชมงาน THAIFEX 2018 ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโลกทัศน์แห่งรสชาติในบริบทใหม่และร่วมรังสรรค์ความเป็นได้ของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ ที่ Innovation Design Zone
ปีนี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คาดว่าประมาณการผู้เข้าชมงานในวันธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 10% และมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



