Trends / จากการเติบโตของตลาดวิดีโอสตรีมมิ่ง และราคาที่ถูกลงของสมาร์ตทีวี คนทั่วโลกจึงหันมาดูคอนเทนต์บนจอใหญ่ที่บ้านกันมากขึ้น นี่ทำให้อุตสาหกรรมคอนเทนต์คึกคัก และแต่ละประเทศพากันผลักดันคอนเทนต์สู่ตลาดโลก
สำหรับอุตสาหกรรมคอนเทนต์กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก แน่นอนว่าเกาหลีใต้ยังยืนหนึ่ง โดยมีจีนเป็นอันดับสองที่ประมาทไม่ได้ ผ่านจุดแข็งคอนเทนต์ย้อนยุคหลายตอน ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า หากดูจนติดจะกลับไปดูคอนเทนต์จากประเทศอื่นลำบาก ไม่ต่างจากหลงในกำแพงเมืองจีนเลยทีเดียว
ส่วนญี่ปุ่น แม้ถูกคู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านด้านบนแซงไปแล้ว แต่หลังตั้งตัวได้ก็ผลักดันคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะหนังและซีรีส์จากมังงะ ขณะเดียวกันก็มีการนำมังงะคลาสสิกมาทำเป็นซีรีส์อนิเมะและหนังอนิเมะออกมาต่อเนื่อง

The Roses of Versailles ที่เพิ่งลงสตรีมใน Netflix ไปเมื่อ 30 เมษายนก็อยู่ในกลุ่มนี้ โดยนอกจากเป็นมังงะคลาสสิกแล้ว เรื่องนี้ยังมีความน่าสนใจในอีกหลายประเด็น ไล่ตั้งแต่เนื้อหาที่แตกต่างจากมังงะร่วมยุคสมัย การอิงประวัติศาสตร์ยุโรป และบริบททางสังคมญี่ปุ่นเมื่อเล่มแรกออกมา
นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในมังงะหัวก้าวหน้าด้านความหลากหลายทางเพศก่อนที่คอนเทนต์แนวนี้จะดังและเป็นที่ยอมรับแล้วในปัจจุบันอีกด้วย
ริโยโกะ อิเคดะ บัณฑิตที่จบปริญญาตรีด้านปรัชญาและมีความสามารถทางศิลปะ เริ่มเข้ามาทำงานในแวดวงมังงะช่วงปลายยุค 60 โดยหลังได้ไฟเขียวให้มีผลงานของตัวเองก็กลับไปคิดหาเรื่องที่น่าสนใจ และได้นำเรื่องพระนางมารีอองตัวเนตต์ไปเสนอกับบรรณาธิการ

มีหลายสาเหตุที่ทำให้ ริโยโกะ อิเคดะ สนใจเรื่องนี้ ทั้งจากการมีเรื่องรักในรั้วในวังระหว่างเจ้าหญิง-เจ้าชาย และเสื้อผ้า-เครื่องแต่งกาย ที่ผู้หญิงกลุ่มเป้าหมายหลักของโชโจ (มังงะผู้หญิง) ชอบเป็นแกน ตามด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ของยุโรป
ทว่าก็แทรกเรื่องการเมือง ชนชั้น และสิทธิทางสังคม ต่อเนื่องไปจนถึงการปฏิวัติ ที่ โยโกะ อิเคดะ สนใจอยู่แล้วเพราะเป็นวัยรุ่นยุค 60 สังกัดกลุ่มซ้ายใหม่ที่ต่อต้านอิทธิพลสหรัฐฯ และชนชั้นสูงในประเทศ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการปฏิวัติฝรั่งเศสเข้าไปด้วย
นอกจากนี้ ยังดันให้ตัวละครหญิงที่ทั้งแต่งตัว มีความเป็นผู้นำเหมือนผู้ชาย ให้ขึ้นมามีบทเด่น แตกต่างโชโจยุคนั้น โดยทั้งหมดรวมกันเป็น มังงะเรื่อง The Roses of Versailles ในภาษาอังกฤษ (หรือกุหลาบแวร์ชายส์ ในชื่อไทย) ที่เล่มแรกวางตลาดในญี่ปุ่นเมื่อปี 1972

แม้เล่มแรกจะไม่ถูกใจบรรณาธิการ แต่ก็ยังได้ไฟเขียวให้ทำต่อ เพราะส่วนผสมที่แปลกใหม่เหล่านี้ถูกใจผู้อ่านในยุค 70 ที่วัยรุ่นมีความขบถแบบฮิปปี้ กุหลาบแวร์ชายส์ จึงมีออกมาหลายเล่มจนจบเรื่อง และยังต่อยอดสู่อนิเมะทางโทรทัศน์ หนังคนแสดง (Live action) รวมไปถึงละครเวที
ต่อมาในยุค 80 และ 90 กุหลาบแวร์ชายส์ เวอร์ชั่นมังงะ ก็ข้ามไปฮิตในหลายประเทศแถบเอเชีย โดยในไทยถือเป็นหนึ่งในหัวหอกของการ์ตูนผู้หญิงญี่ปุ่นที่ตัวละครดวงตากลมโตเป็นประกายและเสื้อผ้าสวยงาม ที่เรียกกันว่า การ์ตูนตาหวาน ร่วมกับการ์ตูนกลุ่มนี้เรื่องอื่น ๆ เช่น คำสาปฟาโรห์ และ แคนดี้ สาวน้อยจอมแก่น ซึ่งร้านขายหนังสือและร้านเช่าหนังสือทุกร้านต้องมี

ถัดจากนั้น กุหลาบแวร์ชายส์ ก็ถือเป็นทั้งต้นแบบมังงะหญิงแกร่งอีกหลาย ๆ เรื่อง และยังถือเป็นต้นแบบมังงะที่โอบรับความหลากหลายทางเพศ แบบหญิงรักหญิง (ยูริ) และชายรักชาย (ยาโอย) ในยุคต่อ ๆ มาอีกด้วย
ความโด่งดังของ กุหลาบแวร์ชายส์ ยังทำให้เกิดกระแสคลั่งวัฒนธรรมฝรั่งเศส และกระตุ้นความอยากเดินทางไปฝรั่งเศสในหมู่ชาวญี่ปุ่น จนข้ามมาในปี 2009 รัฐบาลฝรั่งเศสมอบเครื่องราชฯ ให้ ริโยโกะ อิเคดะ ในฐานะที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมฝรั่งเศส
พอปี 2022 กุหลาบแวร์ชายส์ ก็อายุครบ 50 ปี และเริ่มมีข่าวว่า อาจมีการสร้างหนังอนิเมะออกมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระดังกล่าว จนล่าสุดเมื่อ 30 เมษายน 2025 หนังอนิเมะกุหลาบแวร์ชายส์ จากสตูดิโอ Mappa ที่ดังจาก Jijutsu Kaisen และ Chainsaw Man ก็สตรีมทาง Netflix

กุหลาบแวร์ชายส์ ในรูปแบบหนังอนิเมะ เวอร์ชั่นนี้แม้ห่างจากมังงะเล่มแรกเวอร์ชั่นแรกถึง 53 ปี แต่ก็ยังเก็บรายละเอียดของโชโจดังเรื่องนี้ ทั้งเรื่องรักหลายเส้าในวัง ความจงรักภักดีของ ออสการ์ ฟรังซัวร์ส เดอ จาเจ หญิงแกร่งแบบชายตัวละครเอกในเรื่อง และความสวยงามตระการตาของฝรั่งเศสยุคปลายปี 1700 ไว้ได้อย่างครบถ้วน
แต่ก็ไม่ลืมแทรกเนื้อหาเข้มข้น ที่มา-ที่ไป ที่ทำให้พระนางมารีอองตัวเนตต์กลายเป็นนกน้อยในกรงทอง และข้อมูลทางประวัติศาสตร์สำคัญ ๆ ท่ามกลางการเรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงและเทคนิคด้านภาพที่สวยงาม
จนที่สุดเรื่องจบลงแบบสะเทือนใจแต่ก็ประทับใจ ทั้งแฟน ๆ รุ่นใหญ่ กลุ่ม Babyboomer และ Gen X ที่รู้จักเรื่องนี้ผ่านการอ่านจากมังงะสมัยเด็ก ๆ หรือ Gen Z ที่เพิ่งได้มาดูในเวอร์ชั่นหนังอนิเมะปี 2025 ♦ /france24, nippon, wikipedia, yahoo
–
