นักการตลาดจะหา Niche Market ได้อย่างไร และมั่นใจว่าตลาดนั้นใหญ่พอสำหรับธุรกิจ

Niche Market หรือ “ตลาดเฉพาะกลุ่ม” คือกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง ซึ่งแตกต่างจากตลาดทั่วไป การเจาะตลาดลักษณะนี้แม้จะดูเล็ก แต่กลับเป็นโอกาสอันมีค่า หากเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง และเข้าใจความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง

วิธีค้นหา Niche Market

  1. เริ่มจากความสนใจหรือปัญหาเฉพาะทาง
    นักการตลาดควรมองหาความชอบเฉพาะทาง ปัญหาเฉพาะกลุ่ม หรือไลฟ์สไตล์ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากตลาดหลัก เช่น สินค้าสำหรับคนแพ้ง่าย อาหารสำหรับกลุ่มคีโต หรือบริการสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงพันธุ์พิเศษ
  2. วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและช่องว่าง
    ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Trends, Keyword Planner หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อดูว่ามีคนค้นหาหรือพูดถึงสิ่งนั้นมากน้อยแค่ไหน รวมถึงคู่แข่งในตลาดนั้นมีหรือไม่
  3. สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
    ลงสนามจริง ไม่ว่าจะผ่านแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ หรือการอ่านรีวิว/ฟอรั่ม เพื่อเข้าใจเจาะลึกว่าผู้บริโภคในกลุ่มนั้นมีความต้องการแบบไหน และยังไม่มีใครตอบสนองความต้องการนี้ได้ดีพอ
  4. ทดสอบตลาดแบบเล็กก่อน
    สร้าง MVP (Minimum Viable Product) หรือสินค้า/บริการต้นแบบในวงจำกัดก่อน เพื่อทดสอบการตอบรับ เช่น เปิดร้านออนไลน์เฉพาะกลุ่ม หรือยิงโฆษณาเฉพาะกลุ่มดูแนวโน้มยอดขายและความสนใจ

จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตลาดนั้น ใหญ่พอ

  • ประเมินขนาดตลาดอย่างคร่าว ๆ (Market Sizing)
    ใช้ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น จำนวนคนที่มีพฤติกรรมแบบนั้น หรือข้อมูลประชากรศาสตร์ ประกอบกับอัตราการซื้อซ้ำหรือความถี่ในการใช้บริการ
  • คำนวณรายได้ที่เป็นไปได้ (Revenue Potential)
    ประเมินราคาขายต่อหน่วย × จำนวนลูกค้าเป้าหมาย × ความถี่การซื้อใน 1 ปี
    หากตัวเลขนี้ครอบคลุมต้นทุนและให้กำไรได้ในระยะยาว แสดงว่าตลาดนี้มีศักยภาพ
  • ตรวจสอบแนวโน้มการเติบโต (Growth Potential)
    ตลาดที่เล็กแต่ขยายตัวเร็ว อาจมีโอกาสมากกว่าตลาดใหญ่ที่อิ่มตัวแล้ว ต้องดูเทรนด์ระยะยาว เช่น คนเริ่มสนใจสุขภาพ หรือผู้สูงอายุเพิ่มจำนวน

สรุป

การเจาะ Niche Market ไม่ใช่การขายให้น้อยคน แต่คือการขายให้ “ถูกคน” และ “ตอบโจทย์มากกว่าคู่แข่ง” หากนักการตลาดสามารถวิเคราะห์ความต้องการเฉพาะทางได้อย่างแม่นยำ และประเมินศักยภาพตลาดด้วยข้อมูลจริง ก็สามารถสร้างธุรกิจจากตลาดเฉพาะที่ดูเล็กให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

ตัวอย่างของแบรนด์ที่เริ่มต้นจาก Niche Market แล้วสามารถเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลกได้:

  1. Patagonia – เสื้อผ้าสำหรับคนรักธรรมชาติและนักผจญภัย
  • เริ่มต้นจาก: เสื้อผ้าสำหรับนักปีนเขาและกิจกรรมกลางแจ้งในกลุ่มที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • Niche: นักผจญภัยสายรักษ์โลก
  • เติบโตได้เพราะ: เน้นความยั่งยืน ซ่อมเสื้อผ้าแทนการให้ซื้อใหม่ และใช้วัสดุรีไซเคิล จนกลายเป็นแบรนด์ต้นแบบด้าน “ธุรกิจที่มีจริยธรรม”
  • ปัจจุบัน: ขยายสู่กลุ่มคนเมืองและคนทั่วไปที่อยากแสดงจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อม
  1. GoPro – กล้องสำหรับสายกีฬาเอ็กซ์ตรีม
  • เริ่มต้นจาก: กล้องสำหรับนักเซิร์ฟและกีฬาผาดโผน
  • Niche: นักกีฬาที่ต้องการบันทึกมุมมองแบบ “First-person”
  • เติบโตได้เพราะ: เจาะความต้องการเฉพาะเจาะจงได้ดี แล้วค่อย ๆ ขยายสู่กลุ่มนักเดินทาง บล็อกเกอร์ และสาย Content Creator
  • ปัจจุบัน: เป็นแบรนด์กล้อง Action Camera ระดับโลก

 

3. Lululemon – เสื้อผ้าโยคะสำหรับผู้หญิง

  • เริ่มต้นจาก: กางเกงโยคะสำหรับผู้หญิงที่เล่นโยคะจริงจัง
  • Niche: กลุ่มผู้หญิงที่ออกกำลังกายแบบมีสไตล์
  • เติบโตได้เพราะ: สินค้าเน้นคุณภาพ ใส่สบาย ดูดี ใช้ได้ทั้งออกกำลังกายและชีวิตประจำวัน
  • ปัจจุบัน: เป็นแบรนด์แฟชั่นกึ่งกีฬา (Athleisure) ที่แข็งแรงมากในอเมริกาเหนือ

 

4. Red Bull – เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาและสายปาร์ตี้

  • เริ่มต้นจาก: เครื่องดื่มชูกำลังที่ปรับสูตรมาจาก “กระทิงแดง” ไทย
  • Niche: กลุ่มนักกีฬา extreme และสายปาร์ตี้ยามค่ำคืน
  • เติบโตได้เพราะ: ใช้กลยุทธ์การตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น สนับสนุนกีฬาผาดโผน จนกลายเป็นแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับความเร็ว แรง และพลัง
  • ปัจจุบัน: ครองตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั่วโลก

แต่ละกรณีข้างต้นชี้ให้เห็นว่า การเริ่มจาก Niche ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือการวางรากฐานแบรนด์ให้ชัด แล้วค่อย ๆ ขยายจาก “ผู้บริโภคกลุ่มเล็กที่คลั่งไคล้” ไปยังตลาดกว้างในอนาคต

แต่ Niche Market ไม่ได้การันตีความสำเร็จเสมอไป หลายแบรนด์พุ่งเป้าไปยังกลุ่มเฉพาะทางมากเกินไป หรือตลาดนั้นเล็กเกินกว่าจะเติบโตอย่างยั่งยืน หรือขยายฐานผู้ใช้ไม่ได้ในระยะยาว จึงล้มเหลวหรือต้องเลิกกิจการ 🟥


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer