Bang & Olufsen ไม่ได้มองลำโพงแค่เป็นอุปกรณ์สำหรับฟังเพลง
แต่มองว่ามันคือสิ่งที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งในแง่การใช้งาน ความสวยงาม และการอยู่ร่วมกันในบ้าน

แนวคิด “Sound as Furniture” หรือ “เสียงดนตรีในรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์” ของแบรนด์นี้ ไม่ใช่แค่คำโฆษณาสวยหรู
แต่เป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบ ที่ผสมผสานศิลปะ เทคโนโลยี และความเข้าใจพฤติกรรมคนใช้อย่างลึกซึ้ง

กรณีของ Beosound A9 เป็นตัวอย่างชัดเจน ที่แสดงให้เห็นว่า “เสียง” จะกลายเป็น “เฟอร์นิเจอร์” ได้อย่างไร

.

Beosound A9: ลำโพงที่ออกแบบให้ เป็นส่วนหนึ่ง ของบ้าน

มองผ่าน ๆ คุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัตถุทรงกลมตั้งสูงในห้องนั่งเล่นคือเครื่องเสียง
เพราะ A9 ถูกออกแบบให้ดูเหมือนชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์จริง ๆ

Øivind Slaatto ผู้ออกแบบ A9 มีพื้นฐานจากการทำงานในสตูดิโอร่วมกับนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์เดนมาร์ก
เขานำมุมมองด้านเฟอร์นิเจอร์มาใช้กับผลิตภัณฑ์เสียง ด้วยความเชื่อที่ว่า เสียงควรเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบัง

ลักษณะตัวเครื่องของ A9 สื่อสารความคิดนี้ได้ชัดเจน:

  • ด้านหน้าเป็นผ้านุ่ม ๆ ที่เรียกว่า “ท้อง” หันเข้าหาคนฟัง ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • ด้านหลังเป็นพื้นผิวแข็งเหมือน “กระดองเต่า” ที่หันเข้าหากำแพง
  • พื้นผิวด้านหลังมีจุดนูนละเอียดสำหรับควบคุมเสียงด้วยปลายนิ้ว โดยไม่ต้องมอง

แม้แต่ขาไม้ 3 ขา ก็ไม่ได้ถูกทำให้เหมือนกันเป๊ะ ๆ แม้จะมีรูปทรงเดียวกัน แต่ลายไม้ธรรมชาตินั้นควบคุมไม่ได้

นี่คือการผสมผสานระหว่างความแม่นยำของเครื่องจักร กับ “เสน่ห์ความไม่สมบูรณ์แบบ” จากธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ ทำให้ A9 ไม่ใช่แค่เครื่องเสียง แต่คือเฟอร์นิเจอร์ที่ “มีชีวิต”

.

ไม่ใช่อุปกรณ์ แต่คือ ตัวตน

A9 ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ “แอบอยู่มุมห้อง” เหมือนเครื่องเสียงทั่วไป แต่ตั้งใจให้เป็น “Design Statement” สำหรับห้องนั่งเล่น

คำว่า statement นี้ไม่ใช่แค่เรื่องการตกแต่ง แต่มันลึกกว่านั้น คือการบอกว่า “นี่คือตัวตนของเจ้าของบ้าน”

B&O ต้องการให้ A9 สื่อสารแทนผู้ใช้ เป็นสิ่งที่บอกถึงความพิถีพิถัน ความเข้าใจในดีไซน์ และความรักในเสียงดนตรี โดยไม่จำเป็นต้องโอ้อวดหรือตะโกนดัง

.

หนึ่งในเป้าหมายหลักของ B&O คือการลบเส้นแบ่งระหว่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า กับ ของตกแต่งบ้าน
พวกเขาไม่อยากให้สินค้าดูเหมือนของแปลกปลอมในห้อง แต่เป็นสิ่งที่ “belonging” หรือ “เป็นส่วนหนึ่ง” อย่างแท้จริง

คำว่า belonging ตรงนี้ ไม่ได้หมายถึงแค่การเข้ากับโทนสีหรือเฟอร์นิเจอร์อื่น
แต่คือความรู้สึกว่า ของชิ้นนี้อยู่ตรงนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ ไม่ขัดตา ไม่เกะกะ ไม่ต้องซ่อนไว้หลังตู้

แม้แต่คนที่ไม่ได้คลั่งไคล้เทคโนโลยี ก็สามารถชื่นชมสินค้าจากความสวยงามที่ตาเห็นและมือสัมผัสได้

.

B&O คือใคร?

Bang & Olufsen (B&O) คือแบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จากประเทศเดนมาร์กที่มีประวัติอันยาวนานนับตั้งแต่ปี 1925

ก่อตั้งโดยวิศวกรผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลสองท่าน Peter Bang และ Svend Olufsen ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจด้วยการพัฒนาวิทยุที่สามารถใช้กระแสไฟฟ้าแทนแบตเตอรี่

เหตุผลที่ B&O ได้รับความนิยมจากผู้รักเครื่องเสียงทั่วโลกคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีทันสมัย การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และเหนือกาลเวลา ซึ่งรวมศิลปะเข้ากับประโยชน์ใช้สอย

ผลิตภัณฑ์ของ B&O จึงไม่เพียงเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียง แต่ยังเป็นงานศิลปะและเครื่องตกแต่งบ้านระดับพรีเมียม
ทุกชิ้นส่วนผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความแข็งแรงและทนทาน นอกจากนี้ B&O ยังเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน B&O ครองส่วนแบ่งสำคัญในตลาด Luxury Lifestyle ทั้งในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
โดยมีร้านค้าอย่างเป็นทางการกระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้กับลูกค้า

.

B&O และความกล้าในการตั้งคำถามใหม่

Bang & Olufsen เชื่อว่าคำว่า “เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค” ไม่ควรจำกัดแค่ฟังก์ชัน แต่น่าจะมีความหมายที่กว้างกว่านั้น

สินค้าชิ้นเดียว อาจเป็นได้ทั้ง…

  • แหล่งกำเนิดเสียง
  • วัตถุตกแต่ง
  • งานศิลปะ
  • หรือแม้แต่เป็น “เครื่องประดับ” ที่เสริมภาพลักษณ์ของผู้ใช้

ในแง่นี้ ลำโพงจึงไม่ใช่แค่สิ่งที่ส่งเสียง แต่คือสิ่งที่แสดงออกถึง “สไตล์” ของเจ้าของด้วย

.

แนวคิด Sound as Furniture ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่ A9 เท่านั้น แต่ซึมอยู่ในสินค้าอื่นของ B&O ด้วย เช่น

  • Beosound Shape ลำโพงติดผนังที่ดูเหมือนงานศิลปะมากกว่าลำโพง
  • Beovision Harmony TV ทีวีที่พับจอซ่อนไว้หลังแผงไม้ กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์เมื่อไม่ได้ใช้
  • หูฟังและลำโพงพกพาหลายรุ่น ออกแบบให้ดูเหมือนเครื่องประดับแฟชั่นหรือกระเป๋าถือ

สินค้าเหล่านี้ล้วนสะท้อนปรัชญาเดียวกันคือ “เครื่องเสียงไม่จำเป็นต้องดูเหมือนเครื่องเสียง”

.

การทำงานร่วมกับนักออกแบบที่ไม่ได้มาจากโลกเทคโนโลยี

อีกเรื่องน่าสนใจของ B&O คือ พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับนักออกแบบที่มีพื้นฐานเป็นสายเทคโนโลยี
แต่กลับเลือกทำงานร่วมกับนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ หรือแฟชั่น

เหตุผลคือ… “บริบทของสินค้าเหล่านี้อยู่ในบ้าน อยู่บนร่างกาย อยู่ในชีวิตจริง ไม่ได้อยู่ในห้องแล็บหรือแผนกวิศวกรรม”

B&O สามารถสอนเทคโนโลยีให้กับนักออกแบบได้ แต่พวกเขาต้องการ วิธีคิด และ สัมผัสทางศิลป์ ที่มาจากคนที่เข้าใจ พื้นที่ชีวิต จริง ๆ

.

แม้จะเป็นแบรนด์ที่ล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี แต่ B&O ก็ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการออกแบบแบบ “แฮนด์เมด”

ไม่ว่าจะเป็นการทำโมเดลกระดาษแข็ง การเลือกวัสดุจากธรรมชาติ หรือแม้แต่การยอมรับความไม่เป๊ะที่เกิดจากการผลิตด้วยมือ

แนวทางนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อความโรแมนติก แต่เป็นการยืนยันว่า “สินค้าที่ดี ต้องสื่อสารได้แม้ยังไม่เปิดเครื่อง”

.

ในยุคที่เทคโนโลยีแฝงอยู่ในทุกสิ่ง ความท้าทายไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่คือ วิธีทำให้เทคโนโลยีอยู่ร่วมกับคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ

B&O เลือกใช้เสียง เป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบสภาพแวดล้อม ให้เสียงไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นเกินไป แต่แทรกซึม และ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

.

เมื่อเฟอร์นิเจอร์ร้องเพลงได้

แนวคิด Sound as Furniture คือบทพิสูจน์ว่า การออกแบบที่ดีไม่ควรเลือกว่าจะเป็น “เทคโนโลยี” หรือ “ศิลปะ”
แต่ควรเป็นทั้งสองอย่าง พร้อมกับเข้าใจ คน ที่จะใช้สิ่งนั้นด้วย

Bang & Olufsen คือบริษัทขายเครื่องเสียง แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมเป็นอีกชิ้นส่วนของบ้าน
เป็นสัญลักษณ์ของความสวยงาม เป็นความเงียบที่มีเสียง และเป็น “เฟอร์นิเจอร์ที่ร้องเพลงได้”

Source:
https://www.forbes.com/sites/marksparrow/2023/03/09/interview-bang–olufsen-designer-oivind-slaatto-reveals-the-story-behind-creating-the-beosound-a9/

https://www.sothebys.com/en/articles/why-bang-olufsen-is-resonating-with-design-conscious-consumers?utm

https://www.stirworld.com/see-features-witnessing-the-art-of-recreating-with-tiina-kierysch-of-bang-olufsen

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer