ความท้าทายของการทำคอนเทนต์ในยุคนี้คือ จะทำอย่างไรให้คอนเทนต์โฆษณาโดดเด่น ดึงดูดความสนใจ และสร้าง Engagement ได้สูงสุด ท่ามกลางกระแสคอนเทนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นเฉลี่ยกว่า 200–300 ล้านชิ้นต่อเดือน

ท่ามกลางความหนาแน่นของคอนเทนต์นับไม่ถ้วน Marketeer ชวนถอดรหัสมุมมองและวิธีคิดของ “เอ็ด 7 วิ” หรือ เอ็ดดี้ ญาณวุฒิ จรรยหาญ, ณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น (Country Manager, WeTV) และ ศิราวิชญ์ รัศมีมณีกล้า (Managing Director, Heavenly Delight Media — ผู้จัดคอนเสิร์ตท้องถิ่นและหมอลำ) ในเวที Group M Focal 2025 ที่สามารถถ่ายทอดคอนเทนต์โฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางยุคที่ “คนดูมีสิทธิ์เลือก”.

Chapter 1
พี่เอ็ด 7 วิ: คอนเทนต์โฆษณาต้องทำตัวเหมือนเซลส์ขายตรง

พี่เอ็ด 7 วิ ขึ้นชื่อว่าเป็น Content Creator ที่สามารถสร้างคอนเทนต์โฆษณาซึ่งดึงดูดคนดูให้อยู่จนจบโดยไม่กดข้ามได้อย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ชมจะรู้ตั้งแต่ต้นว่าเนื้อหานั้นคือโฆษณาขายสินค้า

ความสำเร็จของเขามาจากการสื่อสารแบบ“เซลส์ขายตรง” โดยเปรียบตัวเองเหมือนเพื่อนของคนดู เริ่มต้นด้วยการทักทาย พูดคุย และชวนคุยเรื่องทั่วไป เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเปิดใจ ก่อนจะค่อย ๆ พาแบรนด์เข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่คนดูรู้สึก happy จริง ๆ แล้วจึงค่อยเสนอขายสินค้า

เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยการขายทันที มักถูกมองว่า “ยัดเยียด” และทำให้คนดูรีบหนี โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ผู้ชมสามารถเลื่อนผ่านหรือกดข้ามได้ทันที

อย่างไรก็ตาม กรณีของสินค้าที่เป็น “New to the World” หรือสินค้าที่มีจุดขายโดดเด่นและแปลกใหม่ ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกัน เพราะความน่าสนใจของตัวสินค้าเองสามารถดึงดูดผู้ชมได้ตั้งแต่แรก

ในบางคอนเทนต์ ยังต้องกล้าที่จะ “เสี่ยง” ทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่จำเจ (โดยยังอยู่ในกรอบกฎหมาย) เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในด้านต่าง ๆ

สำหรับการวัดผลของคอนเทนต์ พี่เอ็ดมองว่า “คอมเมนต์” และ “การแชร์” จากผู้ชม คือดัชนีชี้วัดที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะสะท้อนว่าคนดูมีส่วนร่วมแล้ว ยังเป็นตัวช่วยบูสต์โพสต์ได้ในตัว และหากคอนเทนต์ถูกนำไปแคปทำเป็นมีม ก็ยิ่งสะท้อนความฮิตและการแพร่กระจายที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ

Chapter 2
คอนเทนต์โฆษณาคือการเข้าใจ Storytelling ในการสื่อสาร

ณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น Country Manager แห่ง WeTV มองว่า คอนเทนต์โฆษณาเปรียบเสมือนงานศิลปะ ที่ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ Storytelling อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพาแบรนด์เข้าไปมีบทบาทในมุม (Angle) ที่เหมาะสม — ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และไม่ “ผิดที่ผิดทาง” จนทำให้ผู้ชมหลุดจากเนื้อหาหลักหรือไม่อยากติดตามต่อ

เพราะผู้ชมไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบการ Tie-in แบบตรงไปตรงมาเหมือนกับผู้ชมชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชมหลักของ WeTV ในประเทศต้นกำเนิด

ดังนั้น การ Tie-in สินค้าในคอนเทนต์จึงต้องอาศัยการอ่านกระแสและความสนใจของผู้ชมอย่างแม่นยำ เพื่อนำแบรนด์เข้าไปสอดแทรก “อย่างเป็นธรรมชาติ” ผ่านองค์ประกอบที่เข้าถึงใจกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวศิลปิน คาแรกเตอร์ หรือธีมของเนื้อเรื่อง — ทุกอย่างต้องเชื่อมโยงกันและเสริมส่งกันอย่างกลมกลืน

นอกจากนี้ การต่อยอดกระแสไวรัลนอกเหนือจากตัวคอนเทนต์หลักก็สำคัญ เช่น การขยายประเด็นที่แฟน ๆ พูดถึงในซีรีส์ออกมาเป็น คอนเทนต์ย่อย หรือการจัดกิจกรรมเสริมอย่าง แฟนมีตติ้ง ก็ช่วยขยายอิทธิพลของคอนเทนต์และแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง

Chapter 3
คอนเสิร์ตท้องถิ่นหมอลำ: พื้นที่ของแบรนด์ ที่สื่อน้อยแต่ได้มากถ้าเข้าใจ

ศิราวิชญ์ รัศมีมณีกล้า Managing Director แห่ง Heavenly Delight Media ในฐานะผู้จัดคอนเสิร์ตท้องถิ่น มองว่า พฤติกรรมผู้ชมคอนเสิร์ตลูกทุ่ง โดยเฉพาะหมอลำในวันนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ “หมอลำเครซี่” ที่ดึงดูดทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดให้หลั่งไหลไปรวมตัวในงานหมอลำต่าง ๆ ได้มากถึงหลายพันคนในแต่ละโชว์

ขณะเดียวกัน คณะหมอลำก็ปรับตัวด้วยการนำเสนอคอนเทนต์บนเวทีที่หลากหลายยิ่งขึ้น — การแสดงที่ยาวนานกว่า 8–9 ชั่วโมงต่อคอนเสิร์ต จึงกลายเป็น “โอกาสทอง” ของแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้งและจริงใจ

ศิราวิชญ์ชี้ว่า การทำคอนเทนต์ให้ผู้ชมในต่างจังหวัดสนใจ รวมถึงการทำ Sponsorship กับวงดนตรีหมอลำและลูกทุ่งในฐานะ Local Culture Entertainment ต้องอิงอยู่บนพื้นฐานสำคัญคือ การสื่อสารผ่านตัวตนของคนท้องถิ่น ให้ได้มากที่สุด และต้อง “จริงใจ” กับผู้ชมในพื้นที่นั้น ๆ

เพราะแบรนด์ที่สามารถสื่อสารได้อย่างทรงพลังในการแสดงหมอลำ ไม่ใช่แบรนด์ที่พูดเสียงดังหรือขายเก่ง แต่คือแบรนด์ที่ “เข้าใจ” และ “กลมกลืน” กับบริบทท้องถิ่น ผ่านภาษาที่ผู้ชมคุ้นเคย และทำให้พวกเขารู้สึกว่าแบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

เช่น การตั้งบูธขายสินค้าในงานคอนเสิร์ตหมอลำ ไม่ควรมุ่ง “ฮาร์ดเซลส์” แต่ควรใช้วิธีชวนพูดคุย สอบถามความเห็นหรือประสบการณ์ใช้งานจริง เช่น “คุณลุงใช้แล้วเป็นอย่างไร?” “คุณน้าชอบกลิ่นนี้ไหม?” สิ่งเหล่านี้สร้างความผูกพันและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่โปรโมชั่น

อีกหนึ่งเทคนิคที่ได้ผลคือ การ Tie-in สินค้าในช่วงเวลาสร้างอารมณ์ร่วม เช่น ช่วงตลกหรือช่วงแสดงพิเศษ ที่ผู้ชมรู้สึกสนุกและเปิดใจ การจดจำแบรนด์จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งหมดนี้ คือ “เคล็ดไม่ลับ” ของการสื่อสารแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ท้องถิ่น ที่หากเข้าใจและทำได้จริง ก็สามารถเข้าถึงใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer