โลกของการทำงานกำลังก้าวเข้าสู่ปีแห่ง ‘การปรับโครงสร้างองค์กรอย่างมีเป้าหมาย’ และเพื่อช่วยให้องค์กรไทยสามารถ ‘รอด’ และ ‘รุ่ง’ บนเวทีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงบุคลากรคุณภาพท่ามกลางความไม่แน่นอน
Jobsdb by SEEK (จ๊อบส์ดีบี บาย ซีค) ได้เปิดเผยรายงาน ‘Hiring, Compensation & Benefits Report 2025’ หรือ ‘HCB 2025’ ที่สะท้อนถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงสำคัญของตลาดแรงงานไทย
HCB 2025 จัดทำขึ้นจากการสำรวจผู้ประกอบการทั่วประเทศ 702 ราย ในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม 2024 ครอบคลุมทั้งองค์กรขนาดเล็ก (พนักงานไม่เกิน 50 คน), กลาง (พนักงาน 51-99 คน) และใหญ่ (พนักงาน 100 คน หรือมากกว่า) ในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก, การผลิต, โลจิสติกส์, อาหารและเครื่องดื่ม, เทคโนโลยี, การตลาด, ธนาคารและการเงิน และอื่น ๆ
ตลาดแรงงานฟื้นตัว องค์กรปรับสู่การจ้างงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK Thailand (จ๊อบส์ดีบี บาย ซีค ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 2024 นับเป็นช่วงเวลาที่หลายองค์กรต้องปรับโครงสร้างภายในเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ
โดยพบว่าพนักงานประจำแบบเต็มเวลาได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะในสายงานบัญชี มี 21% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถามที่เปิดเผยว่าจะลดจำนวนพนักงาน, ธุรการและทรัพยากรบุคคล 18%, บริการลูกค้า 13%, การผลิต 13%
ซึ่งในปี 2024 ผู้ประกอบการ 96% เปิดเผยว่ามีการจ้างงานต่อเนื่อง 94% จ้างพนักงานประจำแบบเต็มเวลา และพบว่ามีการจ้างงานแบบพาร์ตไทม์ และ พนักงานสัญญาจ้าง / ชั่วคราว เพิ่มขึ้นเป็น 35% และ 18% ตามลำดับ
ในขณะที่การลดจำนวนพนักงาน ในปี 2024 ผู้ประกอบการ 25% มีการลดพนักงานลง และประเภทพนักงานที่ถูกเลิกจ้างมากที่สุดคือพนักงานประจำแบบเต็มเวลา สัดส่วน 17%
โดยการที่องค์กรจำนวนมากหันมาใช้กลยุทธ์การจ้างงานแบบพาร์ตไทม์ และสัญญาจ้างมากขึ้น ก็เพื่อรองรับความไม่แน่นอน และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ แม้บางตำแหน่งงานจะได้รับผลกระทบ แต่ภาพรวมของตลาดแรงงานไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราการว่างงานต่ำเพียง 1% โดยตำแหน่งที่ยังคงมีอัตราการจ้างงานสูง ได้แก่ งานสายธุรการและทรัพยากรบุคคล มี 50% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถามที่เปิดเผยว่าจะจ้างงาน, บัญชี 50%, งานขายรูปแบบองค์กร / พัฒนาธุรกิจ 36%, บริการลูกค้า 33%
ข้อมูลใน HCB 2025 ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยกว่า 53% ขององค์กรวางแผนจ้างพนักงานประจำเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง ในช่วงครึ่งปีแรก
HCB 2025 ยังระบุว่า ภาพรวมการจ้างงานในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2025 นั้น 42% ของผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2024 และมีเพียง 8% เท่านั้นที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงานลง
เหตุผลหลักในการเพิ่มจำนวนพนักงาน มาจาก การขยายธุรกิจ 75%, ความต้องการตำแหน่งใหม่ / ทักษะใหม่ 40%, แทนที่พนักงานที่ลาออก / ถูกเลิกจ้าง 38%
ในทางกลับกัน เหตุผลหลักในการลดจำนวนพนักงาน มาจาก ลดต้นทุนค่าจ้างงาน 82%, คาดการณ์ถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย 45%, ปรับโครงสร้าง / เปลี่ยนตำแหน่งพนักงาน 37%
AI: จากทางเลือกสู่ทักษะบังคับของคนทำงานยุคใหม่
รายงาน HCB 2025 ชี้ว่าทักษะด้าน AI ของผู้สมัครงาน เริ่มกลายเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่องค์กรใช้พิจารณาในการจ้างงาน โดย 65% ขององค์กรระบุว่ามีการพิจารณาทักษะ AI ในขั้นตอนสัมภาษณ์งาน และ 26% เห็นว่าทักษะด้านนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงาน
วิธีการประเมินทักษะ AI ของผู้สมัครงานมักอยู่ในรูปแบบของการสัมภาษณ์โดยตรง 51%, การพิจารณาจากพอร์ตโฟลิโอ 42% และ การใช้แบบทดสอบเฉพาะทาง 33%
นอกจากนี้ ยังพบว่าในกระบวนการสรรหาพนักงาน กว่า 34% ขององค์กรเริ่มนำ AI มาใช้ในการเขียนประกาศงานและคัดกรองใบสมัครแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของสายเทคโนโลยี แต่กลายเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นทั้งสำหรับพนักงานในองค์กร และผู้สมัครงานในทุกสายอาชีพเช่นกัน
สวัสดิการและ EVP ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนทำงานในทุกมิติ
คุณดวงพรเสริมว่า ปัจจุบัน องค์กรยุคใหม่มีแนวโน้มให้ความสำคัญมากขึ้นกับ คุณค่าที่องค์กรนำเสนอต่อพนักงาน เพื่อดึงดูด พัฒนา และรักษาพนักงานไว้ หรือ Employee Value Proposition (EVP) โดยมุ่งตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของพนักงานในทุกมิติ
ในปี 2025 พบว่าองค์กรมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสวัสดิการในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การเพิ่มวันลาพิเศษ เช่น ลาวันเกิด, ลาของบิดาเพื่อดูแลบุตร หรือแม้แต่การลาดูแลครอบครัว ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่ากันที่ 15% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถาม
ด้านค่าตอบแทน 85% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่ามีการปรับขึ้นเงินเดือนเพื่อให้ทันกับภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่ 84% มีการจ่ายโบนัสเฉลี่ย 2 เดือน เพื่อรักษาขวัญและกำลังใจของบุคลากรในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
คุณดวงพร กล่าวสรุป องค์กรไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการปรับกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ท้าทาย สะท้อนจากอัตราการจ้างงานและลดการจ้างงานสูงสุดเป็นสายงานเดียวกัน คือบัญชี, ธุรการและทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ โดยองค์กรใหญ่ก็เริ่มปรับโครงสร้าง ส่วนกลุ่มองค์กรเกิดใหม่ก็มีความต้องการจ้างงานเป็นลำดับแรก
ทั้งองค์กรในไทยต่างก็เริ่มปรับตัวเพื่อให้ทันกับความคาดหวังของแรงงานยุคใหม่ ทั้งในด้านรูปแบบการจ้างงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สวัสดิการที่ครอบคลุมคุณภาพชีวิตในทุกมิติ ไปจนถึงทักษะใหม่อย่าง AI ที่เริ่มกลายเป็นมาตรฐานสำคัญในการจ้างงาน
การเตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มข้างต้นจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
Marketeer FYI
ภาพรวม ‘ตำแหน่งงาน’ ในประเทศไทย 70% ยังกระจุกตัวอยู่ในโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 20% ในภูมิภาคตะวันออกซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับตำแหน่งงานในภาคการผลิตและอุตสาหกรรม ขณะที่ภาคเหนือและภาคใต้ พบว่ายังคงมีการขยายตัวในตำแหน่งงานด้านฮอสพิทาลิตี้ หรือ งานบริการ สอดคล้องกับการเป็นภูมิภาคท่องเที่ยว
