ในวันนี้เราได้เห็นเชนร้านอาหารต่างๆ พากันลงเล่นสงครามบุฟเฟต์หม้อต้มและปิ้งย่าง พร้อมกับการขยายสาขาและเพิ่มเวลาให้บริการดึกขึ้นกว่าเดิม เช่น MK Restaurants ที่ลงเล่นสงครามบุฟเฟต์เพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าให้กลับมาใช้บริการมากขึ้น และต่อยอดการให้บริการจากเดิมที่เปิดตามเวลามาตรฐาน เป็นการขยายเวลาเปิดให้บริการบุฟเฟต์ในบางสาขาจนดึกกว่าเดิม

นอกจากนี้ Bar B Q Plaza ยังขยายระยะเวลาแคมเปญ Gon Buffet จากเดิมที่สิ้นสุดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ไปจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ใน 5 สาขาที่เปิดบริการถึงตี 5

รวมถึงนักล่าหมูกระทะที่กลับมาใช้แคมเปญบุฟเฟต์อีกครั้งใน 2 สาขา เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มปิ้งย่างให้กลับมาใช้บริการในช่วงดึกมากขึ้น

แม้เทรนด์ร้านบุฟเฟต์ขยายเวลาปิดดึกจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าสนใจคือ เชนร้านอาหารใหญ่หลายแบรนด์ต่างเริ่มปรับตัวตามสุกี้ตี๋น้อยและลัคกี้สุกี้ ที่บุกเบิกให้บริการดึกมาก่อนหน้าเป็นเวลาหลายปี ผ่านแคมเปญการตลาดบุฟเฟต์ที่เข้าถึงคนนอนดึก
เนื่องจากการแข่งขันที่ทวีความดุเดือดขึ้นในตลาดบุฟเฟต์ ทำให้เชนร้านอาหารเหล่านี้ต้องหันมาสร้างจุดขายใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากบริการเดิมๆ ให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
เช่น Bar B Q Plaza เคยคาดการณ์ว่าสาขาที่เปิดให้บริการถึงตี 5 อาจสร้างยอดขายในช่วงเวลาหลัง 3 ทุ่มเป็นต้นไปได้มากถึง 15-20% เมื่อเทียบกับยอดขายทั้งวันของสาขานั้นๆ
นักล่าหมูกระทะเคยให้ข้อมูลในช่วงต้นปี 2568 ว่า ยอดขายหลังเวลา 5 ทุ่ม-ตี 2 ของสาขาที่ให้บริการดึกนั้น คิดเป็นประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมดในช่วงดังกล่าว ซึ่งเดิมเป็นยอดขายจากเมนู A la carte ทั้งหมด โดย Marketeer มองว่า เมื่อแบรนด์ขยายรูปแบบให้บริการเป็นบุฟเฟต์ จะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายในช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่มได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

เหตุผลที่การขยายเวลาเปิดร้านให้ดึกขึ้นสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมทานอาหารในช่วงดึกมากขึ้น รวมถึงยังสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่เลิกงานดึก ซึ่งไม่มีโอกาสเข้าร้านอาหารเชนที่ปิดก่อน 4 ทุ่ม และยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Night Life ได้อีกด้วย
แต่บนโอกาสของการเปิดให้บริการที่ดึกขึ้น ยังมีความท้าทายในเรื่องการเลือกทำเลที่เหมาะสม เนื่องจากสาขาที่เปิดดึกต้องเป็นสาขาที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์การค้าที่มีการกำหนดเวลาเปิด-ปิดที่ชัดเจน และจะต้องเป็นทำเลที่มีทราฟิกลูกค้ามากพอที่จะคุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
จากนี้ต่อไป การแข่งขันบุฟเฟต์ทานดึกของเชนกลุ่มสุกี้และปิ้งย่าง จะเป็นเพียงสีสันการตลาดที่แบรนด์ต่างๆ ร่วมกระแส หรือเป็น New Normal ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ไม่ได้เปิดให้บริการเฉพาะช่วงแคมเปญเท่านั้น คงต้องจับตาดูกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ คงมีใครหลายคนคิดเหมือนกันว่า มื้อดึกคืนนี้จะเลือกทานหม้อต้มหรือปิ้งย่างแบรนด์ไหนดี
