ซาราห์ สกิดด์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นนักเขียนให้กับบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ เผยว่า เอไอ กำลังสร้างรายได้พิเศษให้ก้อนใหญ่ โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม เธอรับมอบหมายจากเอเจนซี่คอนเทนต์ให้เร่งปรับแก้เนื้อหาเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นด้วยเอไอ สำหรับบริษัทธุรกิจการบริการ ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะช่วยประหยัดเงิน แต่กลับสร้างปัญหามากมาย
ซาราห์ สกิดด์กล่าวต่อว่า เนื้อหาที่สร้างจากเอไอนั้นส่วนใหญ่มักจะดูพื้นๆ เป็นระเบียบ ไม่น่าสนใจจนไม่ดึงดูดลูกค้าเลย โดยท้ายที่สุดเธอใช้เวลาแก้แบบแทบยกเครื่องไป 20 ชั่วโมง และคิดค่าบริการชั่วโมงละ 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,250 บาท) ซึ่งหมายความว่างานนี้เธอได้เงินไปถึง 2,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 65,000 บาท) เลยทีเดียว
หลังแก้งานเสร็จเธอก็มีงานเข้ามาอีก และเพื่อนในวงการก็กล่าวว่า 90% ของงานตอนนี้ คือการแก้งานของเอไอ ดังนั้น จึงคิดว่าความผิดพลาดแบบนี้คงจะเกิดขึ้นอีกและมีคนที่จะได้รายได้ก้อนโตจากการเดียวกันต่อไปในอนาคต ดังนั้นถ้าเก่งจริงและมีประสบการณ์ คุณก็จะยังไม่ตกงานในยุคเอไอ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอไอ ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยบริษัทต่างๆ หันมาใช้ระบบอย่าง ChatGPT ของ OpenAI และ Google Gemini ของ Google กันมากขึ้น เพราะสะดวก ปิดงานได้ไว และแน่นอนลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนลงไปได้มาก
จากการวิจัยของ Federation of Small Businesses ของอังกฤษพบว่า กว่าหนึ่งในสาม (35%) ของธุรกิจขนาดเล็กในอังกฤษและกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร วางแผนที่จะขยายการใช้เอไอ ภายในสองปี และเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในกลุ่มที่ต้องการยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม บางธุรกิจก็เร่งรีบในการนำเอไอมาใช้มากเกินไป และดังที่สกิดด์แสดงให้เห็นว่าแม้มันสามารถสร้างงานและลดค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับที่ตั้งใจไว้ตอนแรก แต่เอไอกลับกลายเป็นตัวปัญหา ซึ่งผู้ที่คอยมาตามแก้ข้อผิดพลาดที่เอไอทำไว้อย่างเธอ คือ AI Fixer
ด้านโซฟี วอร์เนอร์ เจ้าของร่วมของ Create Designs เอเจนซี่การตลาดดิจิทัลในแฮมป์เชียร์ สหราชอาณาจักร เผยว่า ในช่วง 6-8 เดือนที่ผ่านมา เธอก็ได้ทำหน้าที่ AI Fixer เช่นกัน เพราะพบว่ามีการร้องขอความช่วยเหลือจากลูกค้าที่หันไปใช้เอไอ เช่น ChatGPT เพื่อแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน แต่กลับเจอปัญหาแทน
วอร์เนอร์กล่าวต่อว่า ข้อผิดพลาดของเอไอรุนแรงถึงขนาดทำให้เว็บไซต์ล่ม หรือเสี่ยงต่อการถูกแฮกเกอร์มาแฮกเว็บไซต์
เธอยกตัวอย่างลูกค้ารายหนึ่งที่ตั้งใจจะอัปเดตหน้าเพจกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที แต่กลับไปใช้ ChatGPT เพื่อขอคำแนะนำที่ง่ายขึ้น โดยความผิดพลาดนั้นทำให้พวกเขาเสียเงินไปประมาณ 360 ปอนด์ (ประมาณ 16,000 บาท) และธุรกิจหยุดชะงักไปสามวัน ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกค้ารายใหญ่ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องเงินที่ได้จากงานนี้ โซฟี วอร์เนอร์ เผยว่า เป็นก้อนใหญ่ทีเดียว ซึ่งลูกค้าก็ต้องยอมจ่ายเพราะจำเป็น และเธอกับทีมงานก็ต้องไล่ตามหาต้นตออยู่นาน ซึ่งลูกค้าเองก็มักไม่ยอมรับว่า เกิดจากการเชื่อเอไอมากไป
ศาสตราจารย์ เฟิง หลี่ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของ Bayes Business School วิเคราะห์ว่าเรื่องลักษณะนี้และตำแหน่ง AI Fixer เกิดจาก บริษัทยุคนี้คิดไปเองว่าเอไอทำได้ทุกอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าบางครั้งเอไอก็อาจสร้างเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่งขึ้นมาเองแบบผิดๆ ถูกๆ หรือไม่สอดคล้องกัน เพื่อหวังดึงผู้ใช้ให้อยู่ในระบบต่อ ที่เรียกกันว่าอาการหลอนทางข้อมูล
ดังนั้น การกำกับดูแลด้วยคนที่มีทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ในงาน หรือตรวจงานขั้นสุดท้ายก่อนส่งจึงมีความจำเป็น เพราะหากเอไอพลาดขึ้นมาความเสียหาย ทั้งด้านชื่อเสียงและตัวเงินอาจรุนแรงจนคาดไม่ถึง แต่เมื่อเอไอทำพลาดขึ้นมา จึงต้องการความช่วยเหลือจาก AI Fixer
คาชิช บารอต นักเขียนในรัฐคุชราต ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ถือได้ว่าเป็น AI Fixer อีกคนที่งานชุก กล่าวว่า เธอแก้ไขเนื้อหาที่เอไอเขียนให้ลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และลบรูปแบบประโยคที่ทำให้ฟังดูเหมือนเอไอ
แม้ว่าเนื้อหามักจะมีคุณภาพไม่ดีนัก แต่เธอกล่าวว่าลูกค้าเริ่มคุ้นเคยกับความรวดเร็วของเอไอ ทว่านั่นก็กลับเป็นการสร้างความคาดหวังที่ผิดจากความเป็นจริง ดังนั้น การแก้ไขเนื้อหาที่ดีก็เหมือนกับการเขียน คือต้องใช้เวลาคิด ไม่ใช่แค่รวบรวมข้อมูลเหมือนเอไอที่เสร็จในเวลาเพียงชั่วอึดใจ โดยไม่แยกแยะและเข้าใจความแตกต่างเล็กน้อย
ศาสตราจารย์ เฟิง หลี่ กล่าวเสริมว่า เทรนด์เอไอ ทำให้หลายบริษัททดลองใช้กันโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หรือแค่เสริมภาพลักษณ์องค์กร แต่กลับไม่ได้หันมามองโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของบริษัทว่าเพียงพอหรือไม่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องการทำงานของเอไอ ไปจนถึงฝากความหวังไว้กับเอไอมากเกินไป
โซฟี วอร์เนอร์กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าเอไอ จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่คุณค่าของความเชี่ยวชาญของมนุษย์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ไปได้เสียทั้งหมด
เรื่องการรีบใช้เอไอโดยไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องความพร้อมต่างๆ ต่อเนื่องไปถึงการมี AI Fixer ขึ้นมาตามแก้งานเอไอนี้ สอดคล้องกับคำเตือนของ OpenAI บริษัทที่พัฒนา ChatGPT หนึ่งในเอไอที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันที่ว่า เอไอสามารถช่วยงานได้หลากหลาย แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโมเดลที่ใช้ ประสบการณ์ของผู้ใช้ในการทำงานกับเอไอ และวิธีการเขียนคำสั่ง (prompt) และChatGPT มีหลายเวอร์ชัน แต่ละโมเดลของเรามีความสามารถที่แตกต่างกันสำหรับการทำงานที่แตกต่างกัน / bbc
