Otteri มากกว่าการเป็นที่หนึ่ง คือการเป็น Total Laundry Service Solution ที่เข้าใจชีวิตคนไทยยุคใหม่

เมื่อพูดถึงร้านสะดวกซักที่อยู่ในใจคนไทย Otteri Wash & Dry คือชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง

และปี 2025 นี้ Otteri ก็ยังคงรักOtteriษาตำแหน่งแบรนด์อันดับหนึ่งของประเทศในหมวดร้านสะดวกซัก ด้วยรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

การได้รับรางวัลนี้ 3 ปีซ้อนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับOtteriแล้ว รางวัลนี้ไม่ได้หมายถึงแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ หากแต่เป็นการยืนยันว่าแบรนด์ยังคงอยู่ในใจของผู้บริโภคไทย แม้ว่าในปีนี้จะมีสิ่งที่พยายามพัฒนาอาจยังไม่สมบูรณ์แบบ 100% ตามที่ตั้งใจ

“เรารู้ดีว่าความไว้วางใจจากทุกคนที่ยังคงเลือกOtteri คือพลังสำคัญที่ทำให้เราเป็นแบรนด์ร้านสะดวกซักอันดับหนึ่งในใจคนไทย ขอบคุณที่นึกถึงร้านสะดวกซัก แล้วนึกถึงเรา” กวิน นิทัศนจารุกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารธุรกิจสะดวกซัก Otteri Wash & Dry กล่าว

ตลาดสะดวกซักที่ยังไม่อิ่มตัว…และการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน

แม้เศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อ สงคราม และกำลังซื้อที่เปลี่ยนไป แต่ตลาดร้านสะดวกซักไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าตลาดราว 16,000 ล้านบาท และมีร้านกว่า 5,500 สาขาทั่วประเทศ

Otteriครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 28% จากสาขากว่า 1,250 แห่งทั่วประเทศ (บริหารเอง 400 แห่ง) และยังเดินหน้าขยายผ่านโมเดล “Ready to Go” ที่ลงทุนง่าย วางระบบครบ ลดภาระความเสี่ยงของนักลงทุน

เมื่อถามความเห็นถึงภาพรวมตลาดสะดวกซักของไทยในปีที่ผ่านมา คุณกวินให้ความเห็นว่า

“สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันแสดงให้เห็นภาพที่น่าสนใจ ตลาดร้านสะดวกซักเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 แต่เริ่มเห็นการชะลอตัวในบางพื้นที่ที่อิ่มตัวแล้ว

“ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ยังคงขยายสาขา แต่เน้นคุณภาพ เทคโนโลยี และความแตกต่างในการบริการมากขึ้น การแข่งขันสูงขึ้นตาม ดังนั้นร้านที่เป็น Non-brand อาจเผชิญความท้าทายด้านต้นทุน การตลาด และระบบหลังบ้าน ในขณะที่แบรนด์ที่มีภาพลักษณ์แข็งแรงจะสามารถอยู่รอดในตลาดที่แข่งขันรุนแรงได้ดีกว่า”

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน…แบรนด์ต้องเปลี่ยนให้ทัน

คนยุคนี้เปลี่ยนเร็ว และแบรนด์ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไรถึงจะตามทัน? Otteriมีคำตอบที่ชัดเจน

“เราเปลี่ยนจากการ ‘ขาย’ เป็นการ ‘เข้าใจและเชื่อมโยง’ เพราะคนยุคนี้ไม่ซื้อแบรนด์ที่ขายเก่ง แต่ซื้อแบรนด์ที่ ‘เข้าใจเขา'”

กลยุทธ์ของOtteriคือการยึด Core แต่ยืด Flex กล่าวคือการดำเนินธุรกิจโดยยึด “หัวใจแบรนด์” แต่ต้องยืดหยุ่นกับการนำเสนอ และถึงแม้จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แต่ต้องมีหัวใจของมนุษย์

“Digitalization สำคัญ แต่ Empathy (ความเข้าใจลูกค้า) สำคัญกว่า” นี่คือปรัชญาที่ Otteri ใช้ในการพัฒนาแบรนด์

คุณกวินอธิบายต่อว่า ผู้บริโภคยุคนี้ไม่เพียงแค่ต้องการ “สะดวก” แต่ต้องการความมั่นใจ ความสะอาด และเวลาชีวิตคืนกลับมา จึงเกิดเป็นเทรนด์ “สะดวกซัก + บริการเสริม” ที่Otteriเป็นผู้นำ

ที่น่าสนใจคือบริการเสริมจากOtteri เริ่มต้นจากโครงการซักอบพับจากผู้สูงวัยภายใต้ชื่อ “ชูมณี” ในฐานะโครงการ CSR แต่วันนี้ บริการนี้กลายเป็น Commercial Model ที่ลูกค้าชื่นชอบ และถูกขยายไปกว่า 40 สาขา

“เพื่อให้ประสบการณ์ลูกค้าดีที่สุดในทุกสาขา เราจึงลงรายละเอียดแม้แต่เรื่อง “การพับผ้า” ให้เหมือนกันทั้งระบบ เช่น วิธีพับจากซ้ายไปขวา, การใส่ถุงพลาสติก หรือมาตรฐานการบริการที่เหมือนกันทั่วประเทศ”

ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญกับความสะดวก รวดเร็ว ความสะอาด เทคโนโลยี และความคุ้มค่าในการเลือกใช้แบรนด์ ความคาดหวังสูงขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มวัยทำงานและคนเมือง รูปแบบร้านสะดวกซักที่มีบริการเสริมกำลังมาแรง คือไม่ใช่แค่มีบริการซักอบเท่านั้น แต่รวมถึงบริการซักอบพับ ซักอบกรีด รับ-ส่งผ้าถึงบ้าน (delivery), Drop-off/Smart Locker และความสะดวกในการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วยเช่นกัน

Otteriนอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกร้านสะดวกซักที่มีบริการเสริมต่าง ๆ แล้ว ยังเดินหน้าสร้าง Ecosystem ให้ครบวงจร ล่าสุดกับการพัฒนาแอปพลิเคชันOtteri ระบบการบริการออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

“การเป็น “Total Laundry Service Solution” ไม่ใช่แค่ Self-service อีกต่อไป แต่เป็นแบรนด์ที่สามารถดูแลเรื่องผ้าของลูกค้าได้ครบ ตั้งแต่ซัก อบ พับ ไปจนถึงซักอบกรีด พร้อมบริการ Drop-off เพื่อให้ลูกค้าสะดวกที่สุดในทุกมิติ

“เรามองเห็นอินไซต์ว่าผู้บริโภคยุคนี้ต้องการ “เวลาชีวิต” มากกว่าการเสียเวลาซักผ้า และเขาต้องการความมั่นใจว่าเสื้อผ้าเขาจะสะอาด เรียบร้อย และพร้อมใช้ โดยที่ไม่ต้องจัดการเองทั้งหมด นี่คือจุดที่เราเข้ามาเติมเต็ม”

จิกซอว์สำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นเบอร์ 1 ทั้งยอดขายและการสร้างแบรนด์

สำหรับOtteriการเป็นแบรนด์อันดับ 1 ไม่ได้วัดแค่จากยอดขายหรือจำนวนสาขา แต่คือความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อOtteriตลอดเส้นทางที่ผ่านมา

“จุดแข็งของเราคือการไม่หยุดพัฒนา การที่เราได้ No.1 Brand Thailand 3 ปีซ้อนสะท้อนว่าแบรนด์มีหลายจิกซอว์ที่วางถูกตำแหน่งแล้ว แต่การจะรักษาตำแหน่งนี้ได้ต่อไป ต้องมองไกลกว่าการเป็น “ร้านซักผ้า” แต่เป็น “แบรนด์ที่ดูแลชีวิตประจำวันของลูกค้าให้ดีขึ้น”

“อย่างที่เกริ่นในข้างต้น เราให้ความสำคัญกับการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแรง ทั้งทีมปฏิบัติการ แฟรนไชส์ซี คู่ค้า และเทคโนโลยีหลังบ้านที่วางระบบไว้อย่างมีโครงสร้าง เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว เราอยากให้ผู้บริโภครู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน Otteriคือที่ซักผ้าที่เราคิดถึงทุกครั้งเวลามีผ้ากองโต”

ในนามของบริษัทและแบรนด์Otteri Wash & Dry ขอขอบคุณจากใจสำหรับลูกค้าทุกคนที่ให้ความไว้วางใจและเลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดมา การสนับสนุนของคุณไม่เพียงแต่มีความหมายในเชิงยอดขายหรือการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่าเป้าหมายของเราที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านบริการซักอบผ้าที่สะอาด ทันสมัย และเข้าถึงง่ายนั้น ได้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมอย่างแท้จริง

Otteri ตระหนักดีว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ มาจากความไว้วางใจของลูกค้า ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เรามุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในด้านคุณภาพเครื่องจักร มาตรฐานการบริการ ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ให้ดีที่สุดในทุกมิติ

“การได้รับรางวัล No.1 Brand Thailand 3 ปีซ้อนไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกลกว่าเดิม เพื่อให้ Otteri กลายเป็นมากกว่าแบรนด์ร้านสะดวกซัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน” คุณกวินกล่าวทิ้งท้าย

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer