นิพพาน อินเตอร์คร็อพ ถอดแนวคิดต้นแบบเอสเอ็มอีไทย พลิกเถ้าควันจากการเผาไร่ข้าวโพด ให้กลายเป็นเศรษฐกิจสีเขียวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

เป็นอีกครั้งที่ Marketeer ได้รับเกียรติเข้าร่วมในการมอบรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin” ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยต้นแบบที่สามารถสร้างความแตกต่างในธุรกิจ ฝ่าฟันวิกฤตด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์ และแสดงถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

โดยในปีนี้มี 6 ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในมิติที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจแตกต่างกัน ได้แก่ บริษัท โซดา น้ำชา จำกัด, บริษัท เติมเนเจอร์ อินดัสตรี้ จำกัด, บริษัท โปรลอก ไทเทเนียม คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ไมครอนโปรโมชั่น จำกัด, บริษัท วีอิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด

และ บริษัท นิพพาน อินเตอร์คร็อพ จำกัด ได้รับรางวัลใน 2 มิติที่โดดเด่น ได้แก่ องค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business Practice) และ การสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ซึ่งในโอกาสนี้ คุณจิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานกรรมการ บริษัท นิพพาน อินเตอร์คร็อพ จำกัด ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยกับ Marketeer ถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ

“แรงบันดาลใจจากหมอกควัน” คือจุดเริ่มต้นธุรกิจ

ไม่มีใครคาดคิดว่าแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจระดับภูมิภาคของนิพพาน อินเตอร์คร็อพ จะเริ่มต้นจากภาพหมอกควันบนเส้นทางท่องเที่ยวทางภาคเหนือ ภาพที่บดบังถนนจนต้องหยุดรถกลางทาง กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคุณจิรยุทธ์ ผู้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากสิ่งที่ใครหลายคนมองว่าไร้ค่า และพาธุรกิจครอบครัวขยายสู่บริษัทที่มีเป้าหมายใหญ่ระดับเอเชีย

“บทสนทนาของผมกับชาวบ้านในวันนั้นทำให้รับรู้ว่า หมอกควันไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่มาจากการเผาตอซังข้าวโพดหลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเกษตรกรไม่มีทางเลือกเพราะไม่สามารถปลูกต่อได้หากไม่เผา จากวันนั้นผมจึงตั้งคำถามที่กลายเป็นคำตอบสำคัญของชีวิต คือจะทำอย่างไรให้ของเหลือใช้เหล่านี้กลายเป็นรายได้ และหยุดวงจรการเผาให้ได้ในระยะยาว”

นั่นคือจุดเริ่มต้นของนิพพาน อินเตอร์คร็อพ บริษัทที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยเฉพาะซังข้าวโพด ซึ่งถูกแยกองค์ประกอบและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.วัสดุเพาะเห็ด 2.วัสดุรองนอนสัตว์เลี้ยง (Animal Bedding) 3.วัสดุขัดโลหะ 4.ส่วนผสมในอุตสาหกรรมยาและวิตามิน 5.วัสดุเพาะกล้า และ 6.นวัตกรรม Zero Waste ภายในโรงงาน ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากคำถามเดียว และขยายตัวสู่การแก้ปัญหาเชิงระบบในห่วงโซ่การผลิต

เอสเอ็มอีไทยกับความท้าทายมากมายในยุคปัจจุบัน

สำหรับภาพรวมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในยุคปัจจุบันนั้น กำลังเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายและซับซ้อน ทั้งการปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การแข่งขันที่เข้มข้น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องให้ความสำคัญ

ในฐานะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมเกษตร คุณจิรยุทธ์มองว่า ความท้าทายหลักอยู่ที่ปัจจัยธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สภาพอากาศ น้ำ หรือคุณภาพดิน รวมถึงต้นทุนด้านการตลาดในยุคดิจิทัลที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสำหรับสินค้าเกษตรที่มีกำไรต่อหน่วยไม่สูงมาก การทำตลาดจึงต้องเฉียบคมและต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกัน ธุรกิจก็ต้องเร่งปรับตัวให้เข้าใจและใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ออกแบบระบบธุรกิจ ครอบคลุมต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ

สำหรับเคล็ดลับความสำเร็จของนิพพาน อินเตอร์คร็อพ ในการฝ่าคลื่นความท้าทายเหล่านี้ คือ การออกแบบระบบธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเริ่มจากการรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและรับประกันราคาเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เลิกเผา ต่อด้วยการสร้างโรงงานในชุมชนเพื่อสร้างงาน พัฒนานวัตกรรม และเพิ่มมูลค่าผลผลิต และสุดท้ายคือการส่งต่อสินค้าสีเขียวให้ถึงมือผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง กลไกทั้งสามส่วนนี้ต้องทำงานประสานกัน ไม่เช่นนั้นความยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้

“ในภาพรวมของประเทศ เรามักเห็นโครงการจากภาครัฐที่พยายามแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ เพราะขาดการเชื่อมต่อทั้งสามส่วนดังกล่าว กลับกัน โมเดลของนิพพานแสดงให้เห็นว่า SME เองสามารถลุกขึ้นมาเป็นฟันเฟืองที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้ทั้งชุมชนและระบบนิเวศได้อย่างแท้จริง”

รางวัล Bai Po Business Awards: พาสปอร์ตธุรกิจสู่เวทีโลก

เมื่อถามถึงความสำเร็จในการได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin” ใน 2 มิติที่โดดเด่น ได้แก่ องค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business Practice) และ การสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) คุณจิรยุทธ์นิยามว่า นี่คือ “พาสปอร์ตทางธุรกิจ” ที่ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือให้กับซัพพลายเชนทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่คู่แข่งไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการไทยอีกต่อไป แต่รวมถึงผู้เล่นจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน ดังนั้น รางวัลจึงไม่ใช่แค่เครื่องเชิดชูเกียรติ แต่เป็นใบเบิกทางสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่ต้องการความมั่นใจระดับสากล

ทั้งนี้ คุณจิรยุทธ์ ยังกล่าวถึงเป้าหมายระยะยาวของนิพพาน อินเตอร์คร็อพ ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่แกนหลักสำคัญคือการลดการเผาพืชไร่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถลดการเผาได้ถึง 130,000 ไร่ และตั้งเป้าที่จะขยายกำลังการผลิตจนกลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของเอเชียในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากซังข้าวโพด ซึ่งไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเลขในงบดุล แต่เพื่อผลลัพธ์ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่วัดได้จริง

ท้ายที่สุด คุณจิรยุทธ์ฝากถึงผู้ประกอบการ SME ไทยว่า “โอกาสในธุรกิจเกษตรยังมีอีกมาก โดยเฉพาะการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ซึ่งต้องเริ่มจากการสร้าง ‘กลางน้ำ’ ให้เกิดก่อน เพราะถ้ากลางน้ำไม่เกิด ระบบธุรกิจจะไม่สมดุล ผู้บริโภคจะไม่เห็นคุณค่า และความยั่งยืนก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น”

โมเดลธุรกิจของ นิพพาน อินเตอร์คร็อพ คือภาพสะท้อนของ SME ที่กล้าคิด กล้าลงมือทำ และกล้าเดินเข้าสู่สนามของการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพื่อรอดเพียงลำพัง แต่เพื่อให้โลกใบนี้รอดไปด้วย

ไทยพาณิชย์และศศินทร์ ส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย
พัฒนาศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “อยู่ อย่าง ยั่งยืน”

ในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน “ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี” คือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจสีเขียวที่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ความรับผิดชอบ และการออกแบบกระบวนการธุรกิจใหม่อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การผลิตที่ไม่ทิ้งร่องรอย ไปจนถึงการส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยทั้ง 6 บริษัทที่ได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 20 ในปีนี้ คือภาพสะท้อนของแนวคิดนั้นอย่างชัดเจน ด้วยการเปิดรับแนวทางด้านความยั่งยืน และยึดมั่นในการสร้างคุณค่าในระยะยาว มากกว่าการไล่ตามกำไรในระยะสั้น

เบื้องหลังของการขับเคลื่อนแนวคิดนี้คือความร่วมมือระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้ร่วมกันผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและยืนหยัดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ด้วยแนวคิด “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” ผ่านโครงการสนับสนุนในหลากหลายมิติ ทั้งการอบรมความรู้ผ่าน SME Academy การให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ไปจนถึงการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน พร้อมกันนี้ แนวทาง “เริ่ม เพื่อ รอด” ก็ถูกวางไว้เพื่อช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถวางรากฐานในการเป็นธุรกิจสีเขียวได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยไม่เพียง “อยู่รอด” แต่ “อยู่รอดอย่างมีคุณค่า” และสามารถยกระดับศักยภาพไปสู่การเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer