ท่ามกลางสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในบริบทใหม่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเบนเข็ม ตลาดแข่งดุเดือด ขีดความสามารถลด ทั้งพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกระจุกตัว รายได้อยู่แต่หัวเมืองใหญ่
ในงาน ‘Routes to Roots Forum 2025’ งานเสวนาแลกเปลี่ยนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยภาคีภาครัฐ, วิชาการ, เอกชน ได้ร่วมกันระดมสมองเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ โดยมุ่งเน้นการใช้ ‘Mobility Data (โมบิลิตี้ ดาต้า)’ หรือข้อมูลการเดินทางจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อสร้างสรรค์ ‘Cluster Tourism (คลัสเตอร์ ทัวริซึม)’ หรือการท่องเที่ยวแบบกลุ่มจังหวัด และผลักดันเมืองรองให้กลายเป็น ‘เมืองน่าเที่ยว’ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และกระจายรายได้สู่ภูมิภาค
ตลาดท่องเที่ยวเอเชีย ไทยยังฟื้นตัวช้า

ผศ. ดร. ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยคณบดีและรองผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบเพื่อสังคม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำทีมวิจัย Mobility Data
ฉายภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็น ‘เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ’ ที่สำคัญของไทย ในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยพุ่งทะยานถึงระดับเกือบ 40 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ให้กับประเทศถึงราว 19% ของ GDP จนเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ภูมิทัศน์ทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกได้เปลี่ยนแปลงไป
โดยโฟกัสที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำโดยญี่ปุ่น มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวระหว่างปี 2565 – 2567 อยู่ที่ 112%, เวียดนาม 68%, ไทย 47%, อินโดนีเซีย 33%, สิงคโปร์ 25%
ประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ต่างชูจุดเด่น ออกกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ตัวอย่างเช่น การใช้กลยุทธ์ด้านราคา และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของเวียดนาม
อินโดนีเซียชูเอกลักษณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหรูหราสะดวกสบายในราคาที่เข้าถึงได้
สิงคโปร์ยังคงเน้นลงทุนแหล่งท่องเที่ยวสร้างใหม่ (Man-Made) ที่หรูหรา สะดวก และปลอดภัย
ญี่ปุ่นโหมโรงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และความสวยงามผ่านเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ พร้อมด้วยความสะดวก ปลอดภัยในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยวไทยด้วย Cluster Tourism
จากการศึกษาภายใต้โครงการ Data Playground บนฐานข้อมูลการเดินทาง (Mobility Data) ของผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรูและดีแทค ที่ยินยอมให้ใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะและผ่านการเข้ารหัส (Encrypted Data) เพื่อไม่ระบุตัวตน
โดยเป็นการเก็บข้อมูลระหว่างปี 2566 – 2567 คิดเป็นจำนวนกว่า 500 ล้านทริป พบรูปแบบการเดินทางที่สำคัญที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็น ‘เมืองน่าเที่ยว’ หรือก็คือ ‘เมืองรอง (นักท่องเที่ยวมาเยือนราว 4 ล้านคนต่อปี)’ ที่เอื้อต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว อาศัยเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงเป็นเส้นทางการเดินทางใหม่ ๆ ภายใต้ ‘กลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์’
ซึ่งจากการวิเคราะห์เครือข่ายการเดินทางผ่าน Mobility Data พบว่า ประเทศไทยมีเส้นทางศักยภาพถึง 21 เส้นทางที่สามารถพัฒนาสู่การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์
ตัวอย่างเช่น เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน, นครปฐม-ราชบุรี-กาญจนบุรี, เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม, ขอนแก่น-ชัยภูมิ เป็นต้น
ทั้งนี้ กลุ่มคลัสเตอร์จะมีศักยภาพในการพัฒนาสู่เส้นทางท่องเที่ยวได้นั้น จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ข้อ ได้แก่
1. มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ซึ่งใช้เป็นแนวทางในการกำหนดอัตลักษณ์ของแต่ละคลัสเตอร์
2. มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น ซึ่งช่วยให้เห็นลักษณะและพื้นที่กระจุกตัวของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เกิดการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เห็นบทบาทของแต่ละจังหวัดในแต่ละคลัสเตอร์ โดยพบว่าแต่ละเส้นทางจะประกอบด้วยเมืองศูนย์กลาง เมืองบริวาร และเมืองส่งเสริมพิเศษ
4. จำเป็นต้องคำนึงถึงการรับมือผลกระทบทางการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันสภาวะ Overtourism และส่งเสริมให้สอดคล้องกับความสามารถในการรองรับ (Carrying Capacity)
5. มีความเป็นไปได้ในการขยายโอกาสด้านการท่องเที่ยวสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ด้วยการกระจายนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เป้าหมาย

คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล และ (รักษาการ) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Mobility Data เป็นกุญแจสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยก้าวข้ามความท้าทายที่เผชิญอยู่ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับทั้งภาคการท่องเที่ยว และพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ข้อมูลนี้เปิดโอกาสให้เรายกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัวในการเดินทาง การบริหารจัดการความหนาแน่นของผู้คนในสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเตรียมตัวรับมือเหตุฉุกเฉิน ทั้งยังช่วยในการนำเสนอประสบการณ์ เส้นทาง หรือแคมเปญการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่สะท้อนเรื่องราวจากวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องที่ นำไปสู่การสร้างโอกาส กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการและชุมชนให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และสร้างความได้เปรียบใหม่ ๆ ในการแข่งขันให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก
ผศ. ดร. ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย กล่าวเสริมว่า จากบริบทใหม่ด้านการแข่งขัน การปั้น ‘ซัพพลายใหม่’ จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวไทย เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน พร้อมกับกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่พื้นที่ศักยภาพใหม่ ๆ หรือที่เรียกว่า ‘เมืองน่าเที่ยว’
กลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์นี้ ช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทั้งนักนโยบาย นักการตลาด นักธุรกิจ นักลงทุน ผู้ประกอบการรายย่อย เห็นภาพอุตสาหกรรมด้วยมุมมองใหม่ ๆ เห็นโอกาสใหม่ ๆ กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ รูปแบบการเดินทางใหม่ ๆ ที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโต โดยอยู่บนพื้นฐานแห่งความยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่คุณค่า ความหมาย และประสบการณ์ที่แท้จริง คือ ความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน

Routes to Roots ของ 6 คลัสเตอร์นำร่อง
ทั้งนี้ เพื่อให้ผลการวิจัยจาก Mobility Data เกิดประโยชน์สูงสุด ทีมนักวิจัยจุฬาฯ และทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้ร่วมมือกับ The Cloud สร้างสรรค์โครงการ ‘The Cloud Journey: Routes to Roots’ ซึ่งนำเสนอ 6 เส้นทางท่องเที่ยว 6 วัฒนธรรมใน 6 ภาค เพื่อสำรวจรากวัฒนธรรมไทย ซึ่งอิงตามผลการวิเคราะห์ ‘6 คลัสเตอร์นำร่อง’ จาก 21 กลุ่มคลัสเตอร์การท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ
| 6 คลัสเตอร์นำร่อง
กลุ่มจังหวัดน่าเที่ยวจาก Mobility Data |
|||
| ภูมิภาค | กลุ่มจังหวัด | พื้นที่ศูนย์กลางที่มีนักท่องเที่ยวกระจุกตัวสูงสุด | จำนวนนักท่องเที่ยวที่กระจุกตัว (คน/ตร.กม./วัน
) |
| ภาคเหนือ | เชียงใหม่ – ลำพูน – ลำปาง | ย่านถนนนิมมานเหมินท์ | 342 |
| ภาคกลาง | ชัยนาท – สุพรรณบุรี – อุทัยธานี | หอคอยบรรหาร-แจ่มใส และพื้นที่โดยรอบ | 182 |
| ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ | สนามฟุตบอลช้างอารีนา และพื้นที่โดยรอบ | 146 |
| ภาคตะวันออก | จันทบุรี – ตราด | ชุมชนริมน้ำจันทบูร และพื้นที่โดยรอบ | 260 |
| ภาคตะวันตก | เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม | หาดหัวหิน และพื้นที่โดยรอบ | 1,186 |
| ภาคใต้ | นครศรีธรรมราช – พัทลุง | วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช และพื้นที่โดยรอบ | 113 |
| ที่มา: โครงการการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์ จากการวิเคราะห์ Mobility Data / ก.ค. 2025 | |||
6 คลัสเตอร์นำร่องเมืองน่าเที่ยวในแต่ละภูมิภาค คือเส้นทางท่องเที่ยวแบบกลุ่มจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงกันด้านพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยว ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม ให้รู้จักวัฒนธรรมร่วมของพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย ได้แก่
1. Food Route เส้นทางกินเพื่อรู้จักวัฒนธรรมอาหารภาคตะวันออกที่จันทบุรีและตราด พื้นที่ที่อุดมด้วยวัตถุดิบที่มีเพียงหนึ่งเดียว หาไม่ได้ในพื้นที่อื่น โดยเฉพาะสมุนไพร เครื่องเทศ อย่าง เร่ว กระทือ ไพล กระต่ายจาม ขิงแก่ที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารพื้นบ้านหลายชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง เส้นจันท์ผัดปู และข้าวมันไก่น้ำพริกเผา
2. Volcano Route เส้นทางสำรวจวัฒนธรรมตามเส้นทางภูเขาไฟที่ดับสนิทของ 3 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ซึ่งรวบรวมความเป็น ‘ที่สุด’ เอาไว้ ทั้งมีภูเขาไฟมากที่สุด มีปราสาทหินเยอะที่สุด มีแหล่งทอผ้าไหมใหญ่ที่สุด มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความหลากหลายมากที่สุด
3. Flavor Route สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ออกเดินทางเพื่อค้นหาแหล่งวัตถุดิบสำคัญของอาหารในประเทศไทย เช่น อาหารทะเล เกลือ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด มะนาว พร้อมเรียนรู้ภูมิปัญญาและวิธีการใช้วัตถุดิบ ชิมอาหารพื้นบ้านจากร้านอาหารที่ไม่ควรพลาด ลงมือทำอาหารเพื่อเข้าใจกระบวนการและที่มาของรสชาติ
4. Lanna Culture Route เส้นทางเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนา ผ่านสถาปัตยกรรม ศิลปะ และอาหารของเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง รากฐานแห่งวัฒนธรรมและอารยธรรมกว่าพันปีที่เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เบ่งบานบนผืนดินถิ่นเหนือและดินแดนล้านนา ศูนย์กลางเศรษฐกิจทางน้ำแหล่งธุรกิจการค้าของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ
5. Nature Route เส้นทางที่จะพาไปรู้จัก และสัมผัสธรรมชาติของนครศรีธรรมราชและพัทลุง
6. River Route เส้นทางเรียนรู้วัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับสายน้ำของสุพรรณบุรี อุทัยธานี และชัยนาท
