ธุรกิจสวนสนุก ที่เจ้าของไม่สนุก จากการให้สัมภาษณ์ของ วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพาร์ค บางกอก จำกัด (สวนสยาม)

 45 ปีของ “สวนสยาม” ต้องเจอกับวิกฤติต่าง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พวกเขาก็สู้ไม่ถอย ทำทุกอย่างเพื่อให้ธุรกิจรอด จากการแบ่งขายที่ดิน ขายบริษัท ขายทรัพย์สิน ไปจนถึงถูกธนาคารฟ้องล้มละลาย

ปี 2568 ควรจะเป็นปีที่ ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ผู้ก่อตั้งสวนสยาม และครอบครัว ควรได้ฉลองกับเม็ดเงินกำไรเสียที หลังจากขาดทุนต่อเนื่องหลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19

แต่ปีที่ผ่านมา สวนสยามยังคงขาดทุนอยู่ที่ 132 ล้านบาท

ส่วนครึ่งปีแรกของปีนี้ ถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมา น่าจะติดลบอยู่ที่ประมาณ 40-50% เพราะปีนี้ฝนเยอะและมาเร็วมาก กระทบต่อการมาเที่ยวสวนสยามเต็ม ๆ

ส่วนนักท่องเที่ยวที่ลดลงที่เห็นได้ชัดเจนคือกลุ่มคนจีน และกัมพูชา แต่ไม่ส่งผลต่อธุรกิจมากนัก เพราะยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ และกลุ่มเป้าหมายหลักกว่า 70% คือคนไทย

วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ผู้บริหาร ลูกชายคนที่ 2 ของไชยวัฒน์ เล่าว่า ธุรกิจสวนสยามเคยอยู่ในจุดสูงสุดช่วงปี 2561–2562 จากนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และกำลังซื้อของคนไทยก็ยังแข็งแรง

ในช่วงเวลานั้น สยามพาร์คจึงตัดสินใจลงทุนสร้าง “บางกอกเวิลด์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมขนาดใหญ่ บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ ด้านหน้าสวนสยาม ซึ่งเคยเป็นลานจอดรถ

ภายในโครงการมีทั้งร้านอาหาร SME Market ตลาดน้ำเมืองบางกอก และตลาดนัดกลางคืน เพื่อช่วยเติมเต็มความสุขให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้ก้อนใหญ่ได้ในปี 2563–2564

“ตอนนั้นผมเหลือหนี้สินอยู่ประมาณ 40-50 ล้านบาทเอง แต่ผมใช้เงินก้อนใหม่เพื่อลงทุนโครงการนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท”

แต่แล้วโควิด-19 ก็มาทำความหวังพังทะลาย

บางกอกเวิลด์ต้องมาเปิดตัวในช่วงปลายปี 2566 พร้อมความหวังว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างจริงจังเสียที ลูกค้าจำนวนมากก็เริ่มติดต่อเข้ามาเช่าพื้นที่ในโครงการ

แต่เศรษฐกิจยังคงซบเซาต่อเนื่อง สวนน้ำ สวนสนุก คนยังเข้ามาน้อยกว่าที่คิด สิ่งที่ตามมาคือลูกค้าที่มาติดต่อเช่าพื้นที่ในบางกอกเวิลด์ไม่มาปิดดีลตามนัด

บางกอกเวิลด์เลยต้องักชั่วคราว และกลับไปโฟกัสจุดแข็งเดิมของบริษัท ทำอย่างไรให้สวนน้ำ สวนสนุกกลับมาคึกคักอีกครั้ง

เมื่อเครื่องเล่นเดิมเริ่มหมดความตื่นเต้น  คนก็เริ่มหาย แต่หนี้ยังต้องจ่าย จะลงทุนซื้อของใหม่ก็ไม่มีทุน กลายเป็นวงจรเดิมที่วนซ้ำ คนไม่มา รายได้ไม่เข้า ปรับปรุงก็ไม่ได้

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2567 ธนาคารกรุงเทพฯ เข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ภาระการจ่ายรายเดือนลดลง เราจึงเริ่มมีกำลังกลับมาปรับปรุงบางส่วนของโครงการให้ดูดีขึ้นอีกครั้ง

รวมทั้งการวางแผนลงทุนซื้อเครื่องเล่นทางน้ำใหม่ คาดว่าปลายปีนี้น่าจะได้เห็น แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณ 1–2 ปีก็จะเริ่มเข้าไปเปลี่ยนเครื่องเล่นใหม่ ๆ ในสวนสนุกที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 20 ตัว

ในเรื่องกลยุทธ์การขาย เขาบอกว่าเอา “สงครามสุกี้” เป็นโมเดล คือเน้นโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ ทั้งลดราคาตั๋วรายวัน หรือเสนอราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อบัตรรายปี ซึ่งแม้กำไรลด แต่จำเป็นต้องแลกกับวอลลุ่ม จนกว่าจะมีโปรดักต์ใหม่ที่สามารถดึงคนเข้ามาได้โดยไม่ต้องลดราคา

เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ วุฒิชัยเผยว่ากำลังมองหาทำเลใหม่ในย่าน AEC เพื่อขยายสวนสนุกแห่งใหม่ เพราะเชื่อว่าอนาคตการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะที่พื้นที่เดิมเริ่มกลายเป็นชุมชนเมือง ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องการจราจรตามมา

แต่ถ้าครั้งนี้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนอีก และครอบครัวเริ่มเหนื่อยกับปัญหาที่วนซ้ำไม่รู้จบ แม้เราจะปลอบใจกันเสมอว่า ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจ และสิ่งที่ต้องทำคือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้มากกว่าเดิม

การขายที่ดินในพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 270 ไร่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ (สวนสามประมาณ 200ไร่ บางกอกเวิลด์ 70 ไร่)

“ผมต้องบอกว่าทุกวันนี้คนที่สนใจที่ดินแปลงนี้แล้วเข้ามาพูดคุยกับคุณพ่อมีอยู่แทบทุกอาทิตย์ นะครับ”

เขาบอกว่า ถ้าคิดเร็ว ๆ ราคาที่ดินตารางวาละแสนบาท เพราะย่านนี้ทีทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วนทางด่วนรวมทั้งหมดราคาเกือบ 1 หมื่นล้านบาททีเดียว ในขณะที่บริษัทเป็นหนี้แบงก์อยู่ประมาณ 1,500 ล้านบาทเท่านั้น

ซึ่งทุกวันนี้ การรวมแปลงที่ดินแปลงใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในขณะที่ดินของสวนสยามมีเพียงเจ้าของเดียว

“นั่นเป็นที่มาของความคิดที่คุยกันในครอบครัวว่า สู้กันต่อไป ไม่ต้องกลัว ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทำให้คนมีความสุข สนุก เพราะถึงจะเจ๊งเราก็ยังรวย เราก็ยังเหลือที่ดินไว้ขาย นี่คือเรื่องจริง”

สุดท้ายเขาย้ำว่า

“เราสู้ เพราะเรายังมีโอกาสที่ดี  ยังต้องการทำโครงการที่สร้างรอยยิ้มให้กับคนเหมือนที่คุณพ่อตั้งใจทำมานานกว่า 40 ปี และท่านก็รักโครงการนี้มาก ทั้ง ๆ ที่มันเหนื่อยมาก ดูแลยาก กำไรก็น้อย แต่ตอนนี้เรายังเลือกที่จะอยู่กับมัน” ♦

สัมภาษณ์ในงาน

เคทีซีต่อยอด Loyalty สู่ Learning Economy สร้างอีโคซิสเต็มการเรียนรู้ผ่านท่องเที่ยวครอบครัว


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer