ความดราม่าที่อัดแน่นตั้งแต่เปิดเรื่อง ไม่ต้องมีอารัมภบทอะไรมาก เดินเรื่องฉับไว แต่ทิ้งปมไว้แบบค้างคา ให้ปลายนิ้วของท่านกดตอนถัดไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ติดงอมแงม เอาใจช่วยตัวเอกอยู่หน้าจอมือถือไปไหนแล้ว

ไม่ได้มีเพียงคุณคนเดียวที่เป็นเช่นนั้น แต่ยังมีเพื่อนเป็นชาวจีนอีกกว่า 400 ล้านคนที่กำลังรับชมละครประเภทนี้มากกว่า 30 นาทีต่อวัน และซีรีส์แนวตั้งก็ดึงดูดผู้ชมได้เกือบทั่วโลกแล้ว

กระแสความนิยมมินิซีรีส์แนวตั้งของจีนจุดกระแสการเสพคอนเทนต์แนวใหม่มาได้ระยะใหญ่แล้ว และกำลังขึ้นสู่จุดสูงสุด คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์ (4.5 แสนล้านบาท) ต่อปีในเร็ว ๆ นี้

ซีรีส์จีนแนวตั้ง คืออะไร

สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย “มินิซีรีส์แนวตั้ง” หรือ “ละครสั้นแนวตั้ง” หมายถึงการถ่ายทำซีรีส์โดยจัดวางรูปแบบแนวตั้งมากกว่าแนวนอน เพื่อให้ดูได้สะดวกบนสมาร์ตโฟน มักจะมีหลายตอน เฉลี่ยประมาณ 70 ฉาก แต่ความยาวเพียง 1–2 นาที แต่มีกฎเหล็กว่าจะต้องลุ้นระทึกทุก ๆ 30 วินาที

ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากนิยายออนไลน์ เน้นแนวโรแมนติกคอมเมดี้เบาสมอง ความสมเหตุสมผมไม่ค่อยจะมี เหมือนชีวิตนี้ไม่เอาอะไรแล้ว แถมตัวละครเน้นเป็น CEO

ซีรีส์สเกลนี้จะใช้ทุนน้อยกว่าซีรีส์ตอนยาว มีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่แสนถึงหนึ่งล้านหยวน บางครั้งถ่ายทำโดยทีมงานเพียงสองคน และถ่ายทำเสร็จภายใน 1–3 สัปดาห์เท่านั้น ขณะที่ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ใช้เวลาเปิดกล้องกันหลายเดือน

ยิ่งเมื่อเข้าสู่ยุค AI แพลตฟอร์มต่าง ๆ ปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ โดยเมื่อปีที่แล้ว Douyin และ Kuaishou แพลตฟอร์มละครสั้นของจีน ได้ปล่อยซีรีส์ที่สร้างด้วย AI ออกมา เพื่อช่วยลดระยะเวลาการผลิตซีรีส์แต่ละเรื่องเหลือเพียง 7 วันเท่านั้น

จีนเป็นประเทศแรก ๆ ที่ทำคอนเทนต์แนวนี้ ออกมาปรากฏตัวครั้งแรกบน Snapchat และ Instagram Stories ก่อนจะค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่ TikTok และ Douyin จนแพลตฟอร์มใหญ่ก็ยังต้องกระโดดมาลงเล่นตลาดนี้ด้วย

ด้วยความเป็นซีรีส์สั้นทำให้การเล่าเรื่องแตกต่างจากซีรีส์ยาวที่พยายามเล่าเรื่องให้คนค่อย ๆ ซึมซับอารมณ์ตัวละคร ปูเรื่องแบบมีเหตุผลได้ แต่ซีรีส์สั้นต้องเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ว่า คนส่วนใหญ่มีอารมณ์ร่วมกับแค่ไม่กี่เรื่อง ความรัก ความมั่งคั่ง การทรยศ หักหลัง และแก้แค้น ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมาก ตัดเรื่องแบบฉับไว รวดเร็ว ทำความเข้าใจง่าย

ซีรีส์สั้นแต่ความนิยมยิ่งใหญ่ระดับแสนล้าน

ซีรีส์ประเภทนี้ได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ความนิยมการเสพสื่อในวันที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัว

iMedia Research คาดการณ์ว่าตลาดละครสั้นแนวตั้งจะมีมูลค่ามากกว่า 13,800 ล้านดอลลาร์ (4.45 แสนล้านบาท) ภายในปี 2570 เพิ่มขึ้นจาก 5,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2566

โดยมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Tencent, iQIYI, Youku, MangoTV, TikTok และ Kuaishou ผู้เล่นหลักครองส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นตัวเลขประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ผู้เล่นรายย่อย ได้แก่ Crazy Maple Studio และ Guangdong Advertising Group Co., Ltd.

จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่พฤศจิกายน 2565 – ตุลาคม 2567 มีแอปพลิเคชันละครสั้นมากกว่า 100 แอปที่เปิดใช้งานในตลาดต่างประเทศ โดยมียอดดาวน์โหลดสะสมสูงถึง 287 ล้านครั้ง และรายได้จากการซื้อภายในแอปสูงถึง 490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.6 หมื่นล้านบาท)

นอกจากเอเชีย ภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปกลับมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากพฤติกรรมการรับชมวิดีโอสั้นแนวตั้งกำลังขยายวงกว้าง

อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่มากขึ้นระหว่างแพลตฟอร์มเริ่มทำให้ตลาดนี้ถึงจุดอิ่มตัว ผู้ผลิตต้องกระจายความเสี่ยงไปสู่เนื้อหาประเภทใหม่ ๆ ด้วย เพื่อรักษาความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ซึ่งมินิซีรีส์แนวนอนยังคงเป็นละครสั้นที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่องอยู่ เพราะสปอนเซอร์ที่เข้ามาลงทุนมากขึ้น คอนเทนต์สั้นแนวนอนก็พัฒนาแบบก้าวกระโดด เนื้อหามีมิติขึ้น คอสตูม การแต่งหน้าตัวละคร อุปกรณ์ประกอบฉาก การถ่ายทำ และขั้นตอนหลังการผลิตก็ดูจะมีคุณภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่างเรื่องที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์อย่าง Forensic After Dark เปลี่ยนภาพจำคนที่มีต่อมินิซีรีส์ว่าไร้แก่นสาร ดูเอาสนุก แต่เรื่องนี้กลับถ่ายทำสเกลเดียวกับภาพยนตร์ น่าติดตาม ทั้งยังส่งให้ “Ai Hong Chen” พระเอกของเรื่องดังเป็นพลุแตกขึ้นมาด้วย

หรือมินิซีรีส์เรื่อง XXL Size Wife เนื้อเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงตัวใหญ่ที่ลดน้ำหนักเพื่อกลับไปแก้แค้นคนที่ดูถูกเธอ ก็มีคนนำไปสร้างต่อถึง 8 ภาษา อาทิ อังกฤษ อาหรับ และโปรตุเกส

แต่ขึ้นชื่อว่าจีน การกำกับดูแลคอนเทนต์ย่อมเข้มงวดมาก สำนักงานบริหารวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์แห่งชาติ (National Radio and Television Administration) เรียกร้องให้มีการกำกับดูแลละครสั้นแนว CEO อย่างเข้มงวดขึ้น สั่งให้ลดปริมาณ ปรับปรุงคุณภาพ และหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “CEO” หรือคำที่ใกล้เคียงกันเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชม เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานอันกระทบต่อทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมจีน   

 

อ้างอิง : hollywoodreporter,

 fastcompany, CNBC, SCMP, uniteddaily, DiMarket

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer