แม้ปัจจุบัน ญี่ปุ่น ไม่ใช่เบอร์ต้นๆ ของเอเชียแล้วในหลายด้าน ซ้ำร้ายบางธุรกิจถึงขั้นตามหลังจีนและเกาหลีใต้ แต่ยังมีวงการหนึ่งที่ญี่ปุ่นยังคงทำได้ดีแบบยากที่ประเทศไหนจะมาโค่นลงได้ นั่นคือ อนิเมะ

หนึ่งในอนิเมะญี่ปุ่นที่ดังและสร้างปรากฏการณ์ไว้อย่างมากมายช่วงไม่กี่ปีนี้คือ Demon Slayer โดยหลักฐานยืนยันถึงความดังของอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งแม้คนที่ไม่เคยดูเลยก็ยังพบเห็นได้คือ เสื้อลายตารางหมากรุกเขียว-ดำ ที่เด็กวัยประถมในไทยใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ถัดจากนั้นก็เป็นคาแรกเตอร์ของอนิเมะเรื่องนี้ไปปรากฏอยู่ตามสินค้าต่างๆ เช่น ชาเขียวและขนมขบเคี้ยว ส่วนในญี่ปุ่น ต้นกำเนิดสินค้าจากอนิเมะเรื่องนี้มีให้เห็นกันอยู่เต็มไปหมดจนมากเกินจะนับไหว
Demon Slayer เป็นผลงานของ โคโยฮารุ โกโตเกะ โดยเริ่มจากเวอร์ชันมังงะก่อนเมื่อปี 2016 เล่าเรื่องถึงการปราบปีศาจของ คามาโดะ ทันจิโร่ และผองเพื่อน ในญี่ปุ่นรัชสมัยไทโช (ระหว่างปี 1912-1926) ซึ่งประเทศเริ่มเจริญ แต่ยังคงมีความโบราณหลงเหลืออยู่ และยังไม่ก้าวกระโดดเหมือนรัชสมัยเมจิที่มาก่อนหน้า
เสน่ห์ของ Demon Slayer ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวอร์ชันมังงะ เริ่มจากการปราบปีศาจที่ต้องมีการปล่อยพลัง และจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคของผองเพื่อน ซึ่งแฟนๆ มังงะและอนิเมะกลุ่มผู้ชาย หรือ โชเน็น ชอบกัน
ต่อด้วยความรัก ความห่วงใยและเสียสละ ท่ามกลางดราม่าต่างๆ ระหว่างพี่กับน้อง และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือฉากบ้านเมือง เครื่องแต่งกาย และองค์ประกอบต่างๆ ของญี่ปุ่นในรัชสมัยไทโช
องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เวอร์ชันมังงะขายดีมาก จนมีการพัฒนาเป็นเวอร์ชันอนิเมะ ที่คนทั่วโลกดูได้ผ่าน Netflix ในปี 2019 ซึ่งจากการที่เริ่มต้องอยู่ติดบ้านจากสถานการณ์โควิดทำให้สมาชิกรุ่นต่างๆ ในครอบครัวได้ดู Demon Slayer เวอร์ชันอนิเมะร่วมกัน
กระแสตอบรับดีเกินคาดของ Demon Slayer ทำให้มีการทำเวอร์ชันภาพยนตร์ออกมาในปี 2020 แม้ต้องลุ้นหนักว่า จะทำเงินหรือไม่ เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงโควิดที่โรงภาพยนตร์เริ่มซบเซา
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่า Demon Slayer เวอร์ชันภาพยนตร์ภาค Mugen Train ทำเงินเฉพาะในญี่ปุ่นไปมากกว่า 39,000 ล้านเยน (ประมาณ 8,543 ล้านบาท) ครองแชมป์หนังทำเงินสูงสุดของปี 2020 ท่ามกลางสินค้าเกาะกระแสความดังอีกมากมาย
Demon Slayer เวอร์ชันภาพยนตร์ภาค Mugen Train ยังข้ามมาดังในไทย โดยทำเงินไปมากกว่า 82 ล้านบาท
หลังจากนั้น Demon Slayer ก็มีการทำอนิเมะลงสตรีมมิงออกมาอีกหลายซีซัน ซึ่งความนิยมก็ยังแทบไม่ลดลงเลย
ล่าสุดปี 2025 แม้สถานการณ์โควิดที่ฉุดให้วงการภาพยนตร์และธุรกิจภาพยนตร์วิกฤตหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ทั้ง 2 วงการนี้ก็ไม่เหมือนเดิม เพราะผู้คนเข้าไปดูหนังในโรงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีภาพยนตร์เพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถประสบความสำเร็จได้
หนึ่งในภาพยนตร์ส่วนน้อยที่ดังสวนกระแสวิกฤตได้คือ Demon Slayer โดยหนังภาคล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า Infinity Castle : Part 1 สามารถทำเงินได้มากถึง 12,870 ล้านเยน (ประมาณ 2,820 ล้านบาท) หลังฉายในญี่ปุ่นไปเพียง 8 วัน ในช่วงปลายกรกฎาคมที่ผ่านมา
ส่วนในไทย ก็เดินหน้าทำเงินแล้ว โดยยอดซื้อตั๋วล่วงหน้าทะลุ 20 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งทำให้เมื่อเข้าฉาย 12 สิงหาคม ในโรงภาพยนตร์คงเต็มไปด้วย เด็กๆ ครอบครัว รวมไปถึงแฟนอนิเมะเรื่องนี้
จากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า Demon Slayer เป็นมังงะที่โกยรายได้สวนกระแสวิกฤต ทั้งในยุคโควิดและปัจจุบันที่คนซื้อตั๋วไปดูหนังในโรงกันน้อยลงมาก ซึ่งในภาพใหญ่แล้วเป็นการย้ำว่า Soft Power ด้านการ์ตูนของญี่ปุ่นยังแข็งแกร่ง / japantoday ,thailandboxoffice
