หลังจากยักษ์ใหญ่สุกี้แข่งกันประกาศโปรโมชั่นบุฟเฟต์ราคาถูกเอาใจผู้บริโภค จนชิงพื้นที่สื่อกันไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ดูเหมือนว่าดีลเดือดจะช่วยกระตุ้นคนได้ แต่ไม่ช่วยให้กำไรโต
- สุกี้ตี๋น้อย กำไรไตรมาสสองร่วง 6.7%
บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่ JMART ถือหุ้น 30%
หลังบริษัท บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ระบุว่า งวด 6 เดือนแรก 2568 ที่ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อย มีผลกำไรสุทธิ 582 ล้านบาท
แต่เมื่อเทียบกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา JMART อ้างอิงจากตัวเลขส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับจากสุกี้ตี๋น้อย 183 ล้านบาท ในสัดส่วนการถือหุ้น 30% เท่ากับว่าในช่วงเดียวกันของปี 2567 สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรราว 610 ล้านบาท
เมื่อเทียบงวด 6 เดือนของทั้งสองปี พบการลดลงของกำไรที่ 4.59%
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ของสุกี้ตี๋น้อยอยู่ที่ 311 ล้านบาท ลดลดง 6.7%
ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 Suki Teenoi มีสาขาทั้งหมด 86 สาขา Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) 4 สาขา และ Teenoi Express (บุฟเฟต์พรีเมียม) 1 สาขา
ความเคลื่อนไหวในไตรมาสสองที่ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อยได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นจำนวน 4 สาขา ขยายออกไปต่างจังหวัด ได้แก่ สกลนคร อยุธยา ราชบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการค่อนข้างหนาแน่น
นอกจากนี้สุกี้ตี๋น้อยยังได้ร่วมมือกับทาง JAS Asset เปิด Teenoi BBQ ทั้งหมด 2 สาขา ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาคือ JAS Green Village คู้บอน และ JAS URBAN ศรีนครินทร์
- MK ก็ไม่รอด ลดลง 31.2%
ด้านบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M Group งวด 6 เดือนแรก กำไรสุทธิ 509 ล้านบาท ลดลง 31.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 747 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 7,334 ล้านบาท ลดลง 8.9% และยอดขายสาขาเดิมหดตัว 8.5%
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 276 ล้านบาท ลดลง 31.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 401 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี MK เพิ่งเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ด้วยการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ กับการลงทุนใน Bonus Suk แบรนด์สุกี้เพื่อเจาะกลุ่มตลาดแมสโดยตรง
ส่วนร้านเอ็มเค สุกี้ ไม่นานมานี้ได้จัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์เรียกลูกค้าไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยราคาบุฟเฟต์ 299 บาท (19 เมนูใน 90 นาที) ระหว่าง 9–30 มิถุนายน ครอบคลุมกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าได้ไม่น้อย ทำให้ยอดขายสาขาเดิมเดือนมิถุนายนโต 9.2% แต่ต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายจากโปรโมชั่นกดดันอัตรากำไรขั้นต้นจาก 67.2% เหลือ 65.2%
MK ได้ให้เหตุผลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ปัจจัยมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวจากภาวะค่าครองชีพสูง ภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารที่ค่อนข้างรุนแรง
แม้กำไรจะชะลอ แต่สุกี้ตี๋น้อยยังคงมีกำไรสูงกว่าฝั่ง MK เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน สะท้อนภาพสงครามราคาในตลาดสุกี้ที่ร้อนแรงตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ตัวเลขกำไรที่ลดลงของแต่ละแบรนด์สะท้อนภาพการแข่งขันด้านราคา ที่แม้จะช่วยทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ ประหยัดเงินในกระเป๋า และแบรนด์ยังได้พื้นที่สื่อและสร้างการรับรู้อย่างมาก แต่การลงเล่นในสงครามราคาช่วยกระตุ้นคนได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ช่วยให้กำไรโต
ยิ่งไปกว่านั้นอาจส่งผลในระยะยาวตามมา เพราะเมื่อลูกค้าเคยชินแล้วจะไม่ยอมจ่ายราคาเต็ม ส่งผลให้กำไรต่อจานลดลง ต้นทุนคุณภาพถูกบีบตามมา และธุรกิจขาดความยั่งยืนได้
ทั้งนี้ โปรโมชั่นดีลเดือดบุฟเฟ่ต์ของแต่ละเจ้าเพิ่งจะเริ่มไปเมื่อเดือนมิถุนายน ในไตรมาส 2 จึงอาจยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามราคาเต็มที่ ต้องรอดูในไตรมาส 3 ว่า ผลการดำเนินงานของทั้งสองเจ้าจะกลับมาแข็งแกร่งได้หรือไม่
