Miss England ของอังกฤษ ยังคงเป็นเวทีนางงามที่จุดประเด็นถกเถียงอยู่เสมอ เช่น การยกเลิกรอบชุดว่ายน้ำก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดประเด็นร้อนเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวที่แม้ด้านหนึ่งเป็นการเกาะเทรนด์เทคโนโลยี แต่อีกด้านก็เกิดหลายคำถามตามมา
ในแต่ละปี ผู้เข้ารอบรองชนะเลิศของ Miss England จะต้องเลือกลงแข่งขันในรอบย่อยต่างๆ เช่น รอบหน้าสดที่ตัดสินจากความงามแบบไร้เครื่องสำอาง หรือ รอบความสามารถพิเศษ เพื่อเก็บคะแนนสู่รอบชิงชนะเลิศ
แต่ปีนี้กองประกวดได้เพิ่มรอบเอไอ เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยกติกาคือ ผู้เข้าประกวดที่สนใจ จะร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อสร้างร่างอวตารจากเอไอของตัวเองขึ้นมา
จากนั้น พวกเธอจะต้องนำอวตาร AI ของตัวเองไปเสนองานกับแบรนด์และเอเจนซีต่างๆ โดยผู้เข้าประกวดที่อวตารของเธอสามารถคว้าสัญญาจ้างงานงานได้มากที่สุด จะได้ทางลัดเข้ารอบชิงมงกุฎ Miss England ทันที
อย่างไรก็ตาม รอบนี้กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยมีผู้สมัครลงแข่งเพียง 3 คน จากผู้เข้ารอบรองฯ ทั้งหมด 32 คน เนื่องจากหลายคนไม่แน่ใจว่าการมีอวตาร AI จะช่วยส่งเสริมหรือทำลายโอกาสของพวกเธอบนเวทีประกวดกันแน่

เรื่องนี้ความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายที่สนับสนุนอย่าง Jessica Pliskin วัย 23 ปี หนึ่งในผู้เข้าประกวดที่เลือกลงแข่งรอบเอไอมองว่า นี่คือการปรับตัวเพื่อความก้าวหน้าในวงการนางแบบที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
และคิดว่านี่คือสิ่งที่จะช่วยให้ปรับตัวเข้ากับอุตสาหกรรมนี้ได้ ดีกว่าที่จะพยายามหลีกเลี่ยงแล้วสุดท้ายก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ส่วนฝ่ายที่คัดค้านอย่าง Harriet Webster นางแบบและเจ้าหน้าที่จากเอเจนซีนางแบบ มองว่าการใช้เอไอเป็นเรื่องอันตราย และลบเลือนตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ โดยถ้าบริษัทต่างๆ สามารถสร้างนางแบบจากเอไอได้ แล้วก็คงจะไม่จ่ายเงินจ้างคนจริงๆ มาทำงานอีกต่อไป
Phoebe Michaelides อีกหนึ่งผู้เข้าประกวดที่ตอนแรกเลือกรอบเอไอ แต่ตัดสินใจถอนตัวในภายหลัง ให้เหตุผลว่า หัวใจของการประกวดนางงามคือความเป็นตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นอยากให้คนที่รู้จักและเข้าใจตัวตนในแบบเป็น พร้อมกันนี้เธอ ยังกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Deep-fake ที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม Angie Beasley ผู้อำนวยการกองประกวด Miss England มองว่า วงการนางงามควรเปิดรับเทคโนโลยี เพราะ เอไอ ถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนโลกดิจิทัลในปัจจุบัน และดังนั้นจึงต้องส่งเสริมให้ผู้เข้าประกวดมีทักษะความเข้าใจด้านเทคโนโลยีและมีหัวคิดแบบผู้ประกอบการ
เธอยังยืนยันด้วยว่า นี่คือความก้าวหน้าของเวทีประกวด เพื่อเปลี่ยนจากมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ ไปสู่รูปแบบที่มอบพลังและมีความหมายมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางเอไอที่เข้าไปมีบทบาทและถูกใช้ในวงการต่างๆ มากขึ้น เช่นในวงการนางแบบที่ถือได้ว่าใกล้เคียงกับนางงาม ก็เริ่มมีการใช้นางแบบเอไอทั้งขึ้นปกนิตยสาร ภาพในสื่อออนไลน์ ไปจนถึงแคมเปญโฆษณามาตั้งแต่ปี 2017

นอกจากนี้นางแบบบางคนยังไปไกลถึงขั้น สร้างร่างหรือภาพเอไอของไว้สร้างรายได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้มีเอไอใช้กันมาเกือบ 10 ปี แต่ก็ยังมีฝ่ายต่อต้าน เพราะคิดว่าเอไอจะมาแย่งงานคนในวงการนี้เกือบทั้งหมด
เพราะหากนางแบบหรือนางงามเอไอ เกิดฮิตมากๆ ขึ้นมา นางแบบและนางงาม ต่อเนื่องไปถึงอาชีพอื่นๆ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกัน อย่าง ช่างแต่งหน้าและช่างภาพ ก็อาจต้องตกงานไปด้วย
ดังนั้นท้ายที่สุดทุกฝ่ายจึงต้องปรับรูปแบบการทำงาน เรียนรู้เทคโนโลยี และ กำหนดกฎระเบียบต่างๆ ด้านเอไอที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ให้ / bbc
