มาเก๊า ดินแดนที่รุ่มรวยด้วยเสน่ห์จากการผสมผสานความงามแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสที่เข้ากับความเป็นเมืองใหม่ เกิดเป็นเมืองสองโลกที่โดดเด่นทั้งในด้านประวัติศาสตร์ และโซนพื้นที่ถมทะเล ซึ่งสร้างเป็นเมืองใหม่แห่งความบันเทิงและสันทนาการที่รวบรวมรีสอร์ตครบวงจรไว้หลายแห่ง
โดยวันนี้ มาเก๊า เป็นเมืองเศรษฐกิจของเอเชียที่กำลังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2024 ถึงครึ่งแรกของปี 2025 หลังเผชิญกับผลกระทบมาตั้งแต่การเกิดขึ้นของวิกฤตโรคระบาด โดยการฟื้นตัวนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการขับเคลื่อนนโยบายกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังของรัฐบาล

| มาเก๊า เมืองสองโลก
ที่กำลังฟื้นเศรษฐกิจด้วยยุทธศาสตร์ “1+4” |
||
| GDP มาเก๊า ปี 2024 | 1.6 ล้านล้านบาท | GDP ต่อหัว 2.4 ล้านบาท |
| ประชากรโดยรวม ณ ไตรมาส 2/2025 | 685,900 คน | แรงงานต่างชาติ ณ กลางปี 2025: 182,000 คน
อัตราว่างงาน ปี 2024: 1.8% |
| ผู้มาเยือนสะสม ช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2025 | 27 ล้านคน | นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ใช่จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน: 1.7 ล้านคน
นักท่องเที่ยวไทย 110,000 คน ติดท็อป 10 และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 2.3 คืนต่อทริป |
| รายได้รวมปี 2024 ของ อุตสาหกรรมศูนย์รวมความบันเทิง (Integrated Resorts) | 9.2 แสนล้านบาท | แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มตลาดมวลชน สัดส่วนสูงถึง 75.85% ของรายได้รวมทั้งหมด สะท้อนถึงการพึ่งพากลุ่มตลาดดังกล่าวมากขึ้น แทนการพึ่งกลุ่มลูกค้าระดับสูงเพียงอย่างเดียว |
| อัตราแลกเปลี่ยน: 1 MOP (ปาตากา) = 4.0367 THB (บาท) | ||
| ที่มา: การท่องเที่ยวมาเก๊า ประจำประเทศไทย, ตุลาคม 2025 | ||
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเก๊า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เขตบริหารพิเศษมาเก๊า มีนโยบายเศรษฐกิจเสรีและระบบภาษีต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก โดยมีภาคการท่องเที่ยวและสันทนาการเป็นหัวใจสำคัญ
GDP ของมาเก๊าในปี 2024 เพิ่มขึ้นถึง 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2025 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง 1.8% โดยเศรษฐกิจภาพรวมได้ฟื้นตัวถึง 87% ของระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2019
ภาคศูนย์รวมความบันเทิง (Integrated Resorts – IRs) ซึ่งเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของมาเก๊า มีรายได้รวมปี 2024 เติบโต 23.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการฟื้นตัวคือการที่รายได้จากกลุ่มตลาดมวลชน คิดเป็น 75.85% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งการพึ่งพากลุ่มตลาดมวลชนที่กว้างขึ้น แทนกลุ่มลูกค้าระดับสูงเพียงอย่างเดียว ทำให้การฟื้นตัวมีความยืดหยุ่นและยั่งยืนมากขึ้น
ในส่วนของภาพรวมนักท่องเที่ยว ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 แม้ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่จะยังครองสัดส่วนหลัก แต่ตลาดต่างประเทศที่ไม่ใช่จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน โดยรวมก็ฟื้นตัว 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเกือบจะเท่ากับระดับเดิมที่ 98% ของช่วงเดียวกันในปี 2019 ก่อนเกิดโควิด
นักท่องเที่ยวไทย แสดงสัญญาณบวกชัดเจน ด้วยจำนวนผู้มาเยือนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 เติบโต 19.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และฟื้นตัว 97.15% ของช่วงเดียวกันในปี 2019 ก่อนเกิดโควิด
นักท่องเที่ยวไทยที่มามาเก๊า ยังมีแนวโน้มใช้เวลาพำนักนานขึ้น สะท้อนความสนใจในการพักผ่อนและใช้จ่ายภายในเมืองที่เพิ่มขึ้น โดยช่วงไตรมาส 1/2025 นักท่องเที่ยวมียอดการใช้จ่ายแบบไม่รวมศูนย์รวมความบันเทิง มูลค่าทั้งหมดราว 303 ล้านบาท ส่วนยอดการใช้จ่ายต่อคนราว 8,621 บาท
โดยรัฐบาลมาเก๊ากำลังเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “1+4” เพื่อกระจายความมั่งคั่งสู่ภาคอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการเป็นศูนย์กลาง (1) ซึ่งวางให้เชื่อมโยงกับ (4) อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การประชุมและนิทรรศการ (MICE), บริการทางการเงินที่ทันสมัย, แพทย์แผนจีนและสุขภาพ และเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม เพื่อกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
ภาคของเศรษฐกิจ มาเก๊ายังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเขต Greater Bay Area และเขตเหิงฉิน ซึ่งมีบริษัทร่วมทุนจากมาเก๊ากว่า 7,400 แห่ง และยังเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส โดยพบว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันพุ่งสูงถึงราว 7.3 ล้านล้านบาท ในปี 2024
นอกจากนี้ การเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจของมาเก๊ายังได้ถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วย สะพานฮ่องกง – จูไห่ (จีนแผ่นดินใหญ่) – มาเก๊า หรือ Hong Kong Zhuhai Macau Bridge (HZMB) ที่เพิ่งสร้างเสร็จตอนปี 2018 โดยเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ช่วยลดระยะเวลาเดินทางระหว่างฮ่องกงกับมาเก๊าเหลือเพียง 30-45 นาที อำนวยความสะดวกต่อการท่องเที่ยวแบบ Multi destination และการค้าขาย ในขณะที่ระบบคมนาคมภายในเมืองก็สะดวกสบายด้วยรถบัสสาธารณะและรถรับส่งฟรีจากโรงแรม
มาเก๊าในวันนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงศูนย์รวมแห่งความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็น ศูนย์กลางธุรกิจและการลงทุนแห่งสำคัญของเอเชีย ที่พร้อมต้อนรับนักลงทุน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย และคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน
