MI Group (Media Intelligence Group) จัดงานสัมมนา Wisdom 2026 – The Balance Kit เปิดแนวทางนักการตลาดเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงพร้อมกันของผู้บริโภค สื่อ และเทคโนโลยี หลังเม็ดเงินโฆษณาไทยกว่าแสนล้าน หลั่งไหลไปอินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะกลุ่ม Nano – Micro และแพลตฟอร์มออนไลน์โดยตรงมากขึ้น ดันสัดส่วนสื่อโฆษณาดิจิทัลขยับเกิน 50%

อุตสาหกรรมโฆษณาไทย กว่าแสนล้าน

อินฟลูเอนเซอร์ Nano – Micro ดันเม็ดเงินสื่อดิจิทัลสัดส่วนเกิน 50%

ปี ค.ศ. มูลค่าอุตสาหกรรมโฆษณาไทย
2022 76,165
2023 80,988
2024 84,817
2025 (คาดการณ์) 108,900
2026 (คาดการณ์) 110,603
เม็ดเงินโฆษณาไทย ปี 2026 แบ่งตามกลุ่มสื่อ
สื่อดิจิทัล 35,504
สื่อทีวี 28,978
อินฟลูเอนเซอร์ 23,558
สื่อโฆษณานอกบ้าน 17,143
สื่อโรงภาพยนตร์ 2,765
สื่อวิทยุออนไลน์และชุมชนดนตรีในกรุงเทพฯ 2,323
สื่อนิตยสารและหนังสือพิมพ์ 332
ที่มา: MI Group, ธันวาคม 2025

คุณภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด หรือ MI Group กล่าวว่า ในขณะที่คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ GDP ปี 2026 เฉลี่ยอยู่ที่ราว 4.3% แต่โฟกัสเฉพาะประเทศไทย กลับรั้งท้ายด้วยตัวเลขการเติบโตเพียง 1.6% 

สาเหตุสำคัญของการเติบโตที่ต่ำของ GDP ไทยมาจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และปัญหาสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนที่ทะลักเข้ามาในตลาด อย่างเช่น ช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งต้องจับตาดูว่ามาตรการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะปรับใช้ใหม่ปีหน้าจะช่วยกลุ่มผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นมากน้อยขนาดไหน

นอกจากนี้ การที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ส่งผลให้โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปนี้จะกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาไทย จากข้อมูล 11 เดือนแรก (ม.ค. – พ.ย.) ปี 2025 พบว่าเม็ดเงินอยู่ที่ 78,272 ล้านบาท ลดลง 0.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดการณ์ว่าเม็ดเงินรวมทั้งปีจะอยู่ที่ราว 85,727 ล้านบาท หรือลดลง 0.06%

ส่วนทิศทางในปี 2026 ยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่มีนัยสำคัญ คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาไทยจะเติบโตเพียง 1% อยู่ที่ราว 86,271 ล้านบาท โดยสื่อทีวียังคงลดลงต่อเนื่องเหลือสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 ของตลาด ขณะที่สื่อโฆษณานอกบ้านเป็นเพียงสื่อเดียวที่เติบโตระดับเลขสองหลัก  

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาไทยจะดูไม่เติบโต แต่หากเพิ่มเติมการใช้เม็ดเงินที่แบรนด์ โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ทำการตลาดเอง รวมถึงการทำ Influencer Marketing โดยตรงแบบไม่ผ่านเอเจนซี ประเมินว่าจะทำให้เม็ดเงินปี 2025 และ 2026 อาจจะขยายตัวถึง 108,900 ล้านบาท และ 110,603 ล้านบาท ซึ่งดันสัดส่วนสื่อดิจิทัลซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักในการทำโฆษณาผ่านกลุ่มดังกล่าว ขยับขึ้นเกิน 50% แซงหน้าสื่อโฆษณากลุ่มนอนดิจิทัลที่นำโดยทีวี

โดยยังจะพบว่าแบรนด์มีการจัดสรรเม็ดเงินโฆษณาให้กับอินฟลูเอนเซอร์สูงถึง 21% เนื่องจากอิทธิพลของอินฟลูฯ กลุ่ม Nano (ผู้ติดตามหลักพันถึงหลักหมื่น) และ Micro (ผู้ติดตามหลักหมื่นถึงหลักแสน) ที่เติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะมีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทางได้ดี 

ซึ่งการที่เม็ดเงินโฆษณาเริ่มย้ายที่อยู่ และหลั่งไหลไปยังกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ และแพลตฟอร์มออนไลน์โดยตรง ตลอดจนการเติบโตของสื่อโฆษณานอกบ้าน สะท้อนว่านักการตลาดก็ต้องปรับตัวให้เท่าทันพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป และไม่สามารถพึ่งพาข้อมูลจากสื่อหลักเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป

MI Group ได้เปิดเผยแนวทางการทำการตลาดเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงพร้อมกันของผู้บริโภค สื่อ และเทคโนโลยี สำหรับปี 2026 ว่าจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ให้รอบคอบและสมดุล โดยเน้น 5 ประเด็นสำคัญ

1. คุ้มค่า-พิสูจน์ได้-ไม่ซับซ้อน คือมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด Value-First, Proof-Driven และ Simplicity-Oriented แบรนด์จึงต้องออกแบบประสบการณ์ที่สร้างความเชื่อใจได้จริง เพราะ Trust คือตัวแปรสำคัญของ Conversion

2. สื่อเปลี่ยนบทบาท จากการสร้างการมองเห็น สู่การขับเคลื่อนการตัดสินใจ วิดีโอ กลายเป็น Point of Sale ขณะที่ AI เข้ามามีบทบาทเป็นด่านแรกของการค้นหาและการเลือกข้อมูลของผู้บริโภค

3. ทุกแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็น Commerce Platform การซื้อเกิดจาก Commerce Ecosystem ที่เชื่อม Platform + Content + Creator เข้าด้วยกัน แบรนด์จึงต้องวางกลยุทธ์แบบทั้งระบบ ไม่ใช่แยกแพลตฟอร์ม

4. ครีเอเตอร์และ KOL คือ Trust & Conversion Engine ใน Commerce Ecosystem เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นความเชื่อมั่น และต่อยอดไปสู่การซื้อจริง

5. การเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องเชื่อม Online Decision กับ Offline Connection เมื่อ AI เร่งให้การตัดสินใจเกิดเร็วขึ้น ขณะที่ประสบการณ์จริงและความเป็นมนุษย์ยังเป็นหัวใจของความผูกพันระยะยาว ความได้เปรียบของแบรนด์ อยู่ที่การออกแบบ Journey โลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

ทั้งนี้ แบรนด์ที่เติบโตในยุค AI ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคหรือแพลตฟอร์มได้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจทั้ง Commerce Ecosystem และเชื่อม Brand × Human × AI ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ วางให้ AI ขับเคลื่อนการตัดสินใจ มนุษย์สร้างความเชื่อใจ และแบรนด์ออกแบบประสบการณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้น บริษัทยังได้เปิดตัวโครงการแบ่งปันองค์ความรู้ MI Group Wisdom เดินหน้าสู่ปีที่ 5 โดยปีนี้นำเสนอคอนเซปต์ The Balance Kit – Tree of Growth เครื่องมือประเมินสมดุลการทำการตลาด ที่ช่วยนักการตลาดและ SMEs ทบทวนการทำงานตลอดปีที่ผ่านมา พร้อมข้อเสนอแนะที่นำไปต่อยอดเป็นแนวทางในการสร้างสมดุลในปี 2026 ผู้ที่สนใจสามารถร่วมทำแบบประเมินได้ที่ The Balance Kit


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer