คริสต์มาสคือเทศกาลที่ผู้คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุดในแต่ละปี เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง การมอบของขวัญ และการสังสรรค์ท่ามกลางญาติมิตร ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงเวลาที่มีแคมเปญการตลาดไอเดียสร้างสรรค์เกิดขึ้นมากมาย

สำหรับในญี่ปุ่น หากคุณเดินผ่านร้าน KFC ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส คุณจะเห็นหุ่นจำลองผู้พันแซนเดอร์สหน้าร้านพร้อมใจกันสวมชุดซานตาคลอสสีแดงขาวเพื่อต้อนรับเทศกาลนี้ นั่นเพราะในดินแดนซามูไร อผู้คนต่างเชื่อกันว่า “คริสต์มาส = เคนตั๊กกี้”

เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันเกิดจากกลยุทธ์การตลาดที่ลงตัว นอกจากจะอิงกับเทศกาลแล้ว ชื่อแคมเปญยังพ้องกับชื่อแบรนด์อย่างพอดี จนกลายเป็นความสำเร็จที่หล่อเลี้ยงเชนไก่ทอดอเมริกันในญี่ปุ่นมานานเกือบครึ่งศตวรรษ

KFC (หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกสั้นๆ ว่า “เคนตั๊กกี้”) เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นในปี 1970 ภายใต้การร่วมทุนกับ Mitsubishi Corporation โดยเริ่มจากการทดลองขายในงาน World Expo ที่โอซาก้า ก่อนจะเปิดสาขาแรกที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนาโกย่า

ทว่าเส้นทางของ KFC ในแดนซามูไรไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเพียงปีแรกบริษัทแบกรับหนี้สินสูงถึง 100 ล้านเยน (ประมาณ 19 ล้านบาทตามค่าเงินปัจจุบัน) 

แม้นี่เป็นวิกฤตใหญ่ที่ชวนให้ถอดใจ แต่ Mitsubishi กลับไม่ยอมแพ้ และตัดสินใจปรับกลยุทธ์ใหม่โดยเปลี่ยนมาเปิดร้านขนาดเล็กในตัวเมือง แทนการทำร้านขนาดใหญ่ตามชานเมืองแบบสหรัฐฯ อันเป็นประเทศต้นกำเนิดแบรนด์ 

ปรากฏว่าแผนนี้ได้ผลดีเยี่ยม ในปี 1973 KFC สามารถขยายสาขาได้ครบ 100 แห่ง พร้อมยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนที่เพิ่มสูงขึ้น และในปีถัดมาก็ได้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำของชาวญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน

ในปี 1974 KFC เริ่มทำแคมเปญ “ไก่ทอดคืออาหารสำหรับวันคริสต์มาส” โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า “Kentucky for Christmas” ซึ่งตัวย่อ KFC นั้นพ้องกับชื่อแบรนด์ได้พอดี 

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังไอเดียนี้คือ ทาเคชิ โอกะวาระ ผู้จัดการร้าน KFC สาขาแรกในญี่ปุ่น โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจหลังจากได้ยินชาวต่างชาติบ่นว่า “ในญี่ปุ่นหาไก่งวงกินไม่ได้เลย ถ้ามีไก่ทอดมาแทนที่ก็น่าจะดี”

ในคริสต์มาสปีนั้น KFC ญี่ปุ่นจึงเปิดตัวชุดอาหารมื้อพิเศษ แม้จะมีราคาสูงกว่าชุดปกติพอสมควร แต่กลับทำยอดขายได้อย่างมหาศาล แม้ในช่วงแรกกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นชาวต่างชาติก็ตาม 

ถัดมาในปี 1975 ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มหันมาจองชุดไก่คริสต์มาสเพื่อนำไปรับประทานกับครอบครัวและเพื่อนฝูง จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมา

มี 2 คนที่ชาวญี่ปุ่นจดจำได้ดีจากแคมเปญนี้ คนแรกคือ ทาเคชิ โอกะวาระ คนต้นคิดไอเดียการตลาดสุโก้ยนี้ ที่ได้ก้าวขึ้นเป็นซีอีโอของ KFC ญี่ปุ่นในช่วงปี 1984-2002

ส่วนอีกคนคือ ฮารุกะ อายาเสะ นักแสดงหญิงชื่อดังเจ้าของฉายา “แอน แฮทธาเวย์ แห่งญี่ปุ่น” ผู้เป็นพรีเซนเตอร์หนังโฆษณาชุดคริสต์มาสของ KFC ภายใต้คอนเซปต์ “คริสต์มาส ต้องกินไก่ทอด” ติดต่อกันนานหลายปี

ความสำเร็จนี้ทำให้ภาพการต่อคิวซื้อไก่ทอด KFC ในช่วงคริสต์มาสกลายเป็นภาพจำระดับประเทศ ทั้งสำหรับชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โดยในปี 2019 ยอดขายเฉพาะช่วงเทศกาลนี้พุ่งสูงถึง 7,100 ล้านเยน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) สร้างสถิติใหม่ให้กับบริษัท

ล่าสุดในปี 2025 KFC ญี่ปุ่นยังคงตอกย้ำแคมเปญนี้พร้อมฉลองวาระครบรอบ 40 ปี ด้วยชุดไก่ทอดคริสต์มาสแบบจัดเต็ม เสริมด้วยเครื่องเคียง ขนมหวาน และไวน์ รวมถึงการเปิดร้านแบบ Pop-up Store ในย่านหรูอย่างรปปงหงิ กรุงโตเกียว เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อรักษาตำแหน่ง “เจ้าแห่งคริสต์มาส” ในใจชาวญี่ปุ่นต่อไป / thediplomat, people, wikipedia ,soranews24


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer