From Nothing to Something  EP.1 –  แอสเซทไวส์ จากทาวน์เฮาส์ 7 หลัง สู่บริษัทอสังหาฯ หมื่นล้าน

หากเจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์คือยักษ์ใหญ่ที่ยืนหยัดมาหลายทศวรรษ แอสเซทไวส์คือผู้เล่นรุ่นใหม่ที่กำลังไต่ระดับขึ้นมาเบียดแถวหน้าอย่างจริงจัง

รายได้เกือบหมื่นล้านบาท และกำไร 1,456 ล้านบาทในปี 2567 คือสิ่งสะท้อน ของการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือเส้นทางของ “คุณเล็ก”กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้เริ่มต้นจากเด็กหนุ่มจบวิศวโยธา สั่งสมประสบการณ์ในสายผู้รับเหมา ดูแลงานก่อสร้างอาคารสูง และธุรกิจบ้านจัดสรร ก่อนตัดสินใจก้าวออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

ในวันที่ราคาที่ดินพุ่ง แต่รายได้คนส่วนใหญ่โตไม่ทัน โจทย์ของธุรกิจอสังหาฯ จึงไม่ใช่ “ขายแพงแค่ไหน” หากแต่คือ “จะขายในราคาที่ลูกค้ายังซื้อไหวได้อย่างไร”

คำตอบของแอสเซทไวส์จึงไม่ใช่การเสี่ยงใหญ่ตั้งแต่วันแรก แต่เริ่มจากโครงการทาวน์เฮาส์เล็ก ๆ ครั้งละ 7–9 หลัง ทำซ้ำเกือบ 60 ครั้ง เพื่อเรียนรู้ให้ลึกและทำให้โครงการเล็ก ๆ “ไม่พัง”

เงินทุนก้อนแรกมาจากพี่ชาย เพื่อน และพาร์ตเนอร์ที่ร่วมงานกัน ควบคู่กับวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด เมื่อทำซ้ำมากพอ ความเชื่อใจจึงค่อย ๆ เกิดขึ้น

แบงก์เชื่อเพราะการเงินมีวินัย ผู้รับเหมาตามทุกโครงการเพราะความแฟร์ ลูกค้าเชื่อมั่นเพราะคุณภาพ พนักงานอยู่ยาวเพราะสวัสดิการ และชุมชนให้ความร่วมมือเพราะไม่สร้างปัญหาในพื้นที่ก่อสร้าง

จากทาวน์เฮาส์ สู่คอนโด และก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ   การตัดสินใจ IPO ในปี 2564 ท่ามกลางวิกฤตโควิดที่หลายคนมองว่าเสี่ยง กลับกลายเป็น “เบาะกันกระแทก” ช่วยเสริมสภาพคล่องให้บริษัทเดินหน้าโครงการได้ต่อเนื่อง ขณะที่คู่แข่งหลายรายต้องชะลอเกม

กลยุทธ์การเติบโตยังมาพร้อมการกระจายความเสี่ยง ด้วยการเน้นโลว์ไรส์คอนโดที่หมุนเงินเร็ว การสร้างแบรนด์ผ่าน  รายการประกวด มิสยูนิเวิร์ส รายการดนตรี ไปจนถึงฟุตบอล gพื่อเชื่อมโยงแบรนด์กับชีวิตจริงของคนรุ่นใหม่

ที่สำคัญคือการยึดอินไซต์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง กรมเชษฐ์ได้ ลงพื้นที่ดูพฤติกรรมเด็กมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง แล้วออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้ “เข้าจังหวะชีวิต” เข้าใจความต่างระหว่างผู้ใช้กับผู้จ่าย เมื่อผู้เช่าคือนักศึกษา แต่ผู้ซื้อคือพ่อแม่ โครงการจึงถูกออกแบบให้ปลอดภัยกว่า หอพัก พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยครบ และ “ให้ส่วนกลางมากกว่าคนอื่น”

การตัดสินใจบุกภูเก็ตของแอสเซทไวส์ ผ่านการ M&A  กับ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ The Title  เมื่อปี 2566  ที่ทำให้ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ แต่ได้ทั้งแบรนด์ ทีมโลคอล และความเข้าใจตลาด ทำให้ออกสตาร์ตได้เร็วและลดความเสี่ยง กลายเป็นเสาหลักใหม่ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากกรุงเทพฯ

แอสเซทไวส์จึไม่ได้เติบโตจากการเสี่ยงใหญ่ แต่เติบโตจากการเริ่มเล็ก ทำซ้ำ และคุมเกมด้วยวินัยทางการเงินเมื่อเข้าใจลูกค้าจริง เลือกจังหวะถูก และการบุกภูเก็ตด้วยการจับมือพาร์ตเนอร์ ท้องถิ่นที่แข็งแรง   จากทาวเฮ้าส์ 7 หลัง ก็สามารถกลายเป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่มีรายได้นับหมื่นล้านได้ในวันนี้

 

 

 

 

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer